รุ้หรือไม่ว่าเว็บไทยรัฐก็มีการใช้กลยุทธ์ Affiliate Marketing ผ่านทางหน้า Sub-folder คือ /shopping/ โดยการรีวิวสินค้าและแปะลิงก์ไปยัง Lazada/Shopee เพื่อรับค่า commission เมื่อมีคนคลิกและซื้อสินค้า
กลยุทธ์นี้คือการรีวิวสินค้าต่าง ๆ แล้วแปะลิงก์ Affiliate พาคนอ่านไปยังแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเจ้าดังอย่าง Lazada หรือ Shopee เพื่อรับค่า commission (หรือเรียกแบบสั้น ๆ "ค่าคอม") เมื่อมีการซื้อขายเกิดขึ้น
ตัวอย่างการสมัคร Shopee Affiliate Program
บทความนี้ ผมจะพามาเจาะลึกรายละเอียดกันครับว่าโมเดลนี้มันทำเงินให้ไทยรัฐได้อย่างไร และมีวิธีการทำงาน กลยุทธ์เบื้องหลังเป็นแบบไหน ตามมาดูกันเลยครับ
โมเดลการทำเงินของไทยรัฐ Shopping
คอมมิชชันจาก Affiliate Links
วิธีได้มาคือทุกครั้งที่มีคนคลิกลิงก์ในบทความ → เข้าไปซื้อสินค้าใน Lazada/Shopee → ไทยรัฐได้ % คอมมิชชัน (ประมาณ 1-10% ต่อยอดขาย ขึ้นอยู่ข้อตกลงกับแพลตฟอร์มนั้น ๆ)
ตัวอย่างบทความรีวิว “รองเท้า Hoka” แปะลิงก์ Shopee ถ้ามียอดขาย 100,000 บาท ไทยรัฐอาจได้ 1,000-10,000 บาท
สมมติทำบทความรีวิว Top 10 นาฬิกา
ตัวอย่างบทความ affiliate ของเว็บไทยรัฐใน thairath.com/shopping/
แน่นอนว่าการจะทำแบบนี้ได้ ทางทีมไทยรัฐก็ต้องไปรีเสิร์ชเลือกสินค้าที่น่าสนใจ และต้องดูด้วยว่าสินค้านั้น ๆ มีอยู่ในระบบ Affiliate Program ของ Lazada หรือ Shopee หรือไม่ ซึ่งเอาจริง ๆ สินค้าส่วนใหญ่ โดยเฉพาะที่ขายดี ๆ มักจะมีให้เลือกทำ affiliate อยู่แล้วครับ เพราะสองเจ้ายักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซนี้เขามี Affiliate Program ที่ค่อนข้างเปิดกว้างและเป็นระบบอยู่แล้ว เพื่อกระตุ้นยอดขายนั่นเอง
ตัวอย่าง
กลยุทธ์และแผนการทำงาน
1. ใช้ Traffic จากเว็บหลัก
ไทยรัฐเป็นเว็บข่าวอันดับ 1 ของไทย มี Traffic สูง → ใช้ฐานผู้อ่านเดิมที่มีอยู่แล้วดัน Traffic เข้าหน้า /shopping/
2. เลือกรีวิวสินค้า Viral หรือเทรนด์
เน้นสินค้าที่กำลังฮิตในโซเชียล เช่น เครื่องสำอาง กระเป๋าแบรนด์ดัง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (ดูจากตัวอย่างบทความใน screenshot ที่แคปมาด้านบนครับ)
และสิ่งที่สำคัญมาก ๆ ก็คือการทำ Keyword Research โฟกัสคีย์เวิร์ดที่คนไทยค้นหาบ่อย เช่น “รีวิวครีมกันแดด 2024”, “ซื้อโทรศัพท์ราคาถูก” หรือ "รีวิวนาฬิกาผู้ชายปี 2025" เป็นต้น
3. สร้าง Content แบบ Comparison และ Best Picks
ตัวอย่างบทความ เช่น
- “10 ครีมกันแดดยอดนิยม ปี 2024”
- “เปรียบเทียบราคาโทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุด”
ข้อได้เปรียบของไทยรัฐ
ทำไมกลยุทธ์ Affiliate Marketing ผ่านหน้า /shopping/ นี้ถึงดูจะไปได้สวยและเวิร์กมากสำหรับไทยรัฐ?
จากที่ดู ๆ ผมว่ามีปัจจัยหนุนอยู่หลายอย่าง ปัจจัยสำคัญอย่างแรกเลยก็คือ Brand Trust หรือความน่าเชื่อถือของแบรนด์ที่สูงมาก ด้วยความที่ไทยรัฐเป็นแบรนด์สื่อยักษ์ใหญ่ที่คนไทยคุ้นเคยและให้ความไว้วางใจมาอย่างยาวนาน ทำให้ผู้อ่านมีความมั่นใจในเนื้อหาและคำแนะนำโดยพื้นฐานอยู่แล้ว พอไทยรัฐมีการแนะนำหรือรีวิวสินค้าอะไรขึ้นมา คนก็มีแนวโน้มจะเชื่อถือและกล้าตัดสินใจคลิกซื้อตามได้ง่ายกว่าการเห็นรีวิวจากเว็บไซต์โนเนมทั่วไป ความลังเลมันน้อยลงไปเยอะอย่างเห็นได้ชัดครับ
ประกอบกับพลังทางด้าน SEO ที่ต้องบอกว่าแรงจัดจริง ๆ เนื่องจากเว็บไซต์หลักอย่าง thairath.co.th นั้นมีค่า Domain Authority หรือค่าความน่าเชื่อถือในสายตา Search Engine ที่สูงมากอยู่แล้ว หรือถ้าพูดแบบภาษาบ้าน ๆ ให้เห็นภาพก็คือ เป็นเว็บดังที่มี "ค่าพลัง" สูงในสายตา Google นั่นเองครับ ซึ่งส่งผลโดยตรงให้บทความรีวิวต่าง ๆ ที่เผยแพร่ในหน้า /shopping/ มีโอกาสติดอันดับผลการค้นหาบน Google ในตำแหน่งดี ๆ ได้ง่ายและรวดเร็วกว่าเว็บไซต์เปิดใหม่หรือเว็บขนาดเล็ก ๆ แม้ว่าจะต้องแข่งขันในคีย์เวิร์ดที่มีการค้นหาสูงและมีการแข่งขันที่ดุเดือดก็ตาม
ส่วนนี้ผมไม่ได้หมายถึงค่า DA ใน Ahrefs นะครับ ที่จะคำนวน based on backlinks แต่หมายถึงค่าพลังของเว็บเลย
ยิ่งไปกว่านั้น ไทยรัฐยังสามารถ scale traffic หรือเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมในส่วน Shopping นี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยอาศัยต้นทุนเดิมที่มีอยู่ นั่นคือการใช้ประโยชน์จากฐานผู้อ่านหรือผู้เข้าชมเว็บไซต์ข่าวหลักที่มีจำนวนมหาศาลในแต่ละวัน มาเป็นแหล่ง traffic ป้อนเข้ามายังส่วนรีวิวสินค้าและช้อปปิ้งนี้ได้อย่างต่อเนื่อง โดยแทบไม่ต้องทุ่มงบด้านการตลาดเพื่อหา traffic ใหม่เข้ามาโดยเฉพาะเลย ถือเป็นการใช้ประโยชน์จาก assets ที่มีอยู่แล้ว (นั่นคือ traffic และ brand) ที่มีอยู่แล้วได้อย่างชาญฉลาดและคุ้มค่าสุด ๆ
และแน่นอนว่าการจะพากลยุทธ์นี้ให้สำเร็จได้ ย่อมต้องมีทีมงานและรีซอร์สที่มีความพร้อม ซึ่งในจุดนี้ เว็บไซต์ขนาดใหญ่อย่างไทยรัฐย่อมมีความได้เปรียบอย่างชัดเจน เพราะแน่นอนว่า ระดับนี้แล้วต้องมีทีมงานมืออาชีพ ทั้งนักเขียนคอนเทนต์ นักการตลาดดิจิทัล ผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO และทีม Web Developer โดยเฉพาะ ที่สามารถร่วมกันผลิตคอนเทนต์คุณภาพสูงออกมาได้อย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ รวมถึงคอยพัฒนาและปรับหน้าเว็บให้ใช้งานง่ายและตอบโจทย์ผู้ใช้อยู่ตลอดเวลา ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ publisher หรือผู้ผลิตเนื้อหารายเล็ก ๆ อาจจะมีข้อจำกัดและทำได้ยากกว่านั่นเองครับ
จุดที่ต้องระวัง
แม้จะดูมีแต่ข้อดี แต่โมเดลนี้ก็อาจมีความท้าทายหรือสิ่งที่ต้องบริหารจัดการให้ดีอยู่บ้างครับ ประการแรกที่สำคัญมากคือ การคงความน่าเชื่อถือของเนื้อหา ซึ่งต้อง balance กันให้ดีระหว่างการรีวิวอย่างตรงไปตรงมา เป็นกลาง เพื่อประโยชน์ของผู้อ่าน กับการเชียร์ขายสินค้าเพื่อหวังค่าคอม หากบทความเน้นขายมากเกินไปจนดูไม่เป็นธรรมชาติหรือไม่น่าเชื่อถือ ก็อาจส่งผลเสียต่อความไว้วางใจที่ผู้อ่านมีต่อแบรนด์ไทยรัฐได้ในระยะยาว
นอกจากนี้ รายได้ที่ได้จากโมเดลนี้ยังต้องพึ่งพานโยบายของ Affiliate Program จาก Lazada หรือ Shopee โดยตรง ซึ่งก็มีความผันผวนได้เสมอ วันดีคืนดีไม่ว่าจะเป็น
- มีการเปลี่ยนแปลงเรทค่าคอมมิชชันให้น้อยลง,
- ลดระยะเวลาการเก็บค่าคุกกี้ให้สั้นลง
- เกิดปัญหากับระบบ Tracking การคลิกหรือยอดขายขึ้นมา ก็อาจส่งผลกระทบต่อรายได้ที่คาดหวังไว้ไม่น้อยเลยครับ
อีกประเด็นที่ต้องเจออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้คือ ภาระในการอัปเดตคอนเทนต์ให้ทันสมัยอยู่เสมอ เพราะสินค้าในตลาดมีการเปลี่ยนแปลงรุ่นใหม่ เปิดตัวสีใหม่ ปรับราคา หรือจัดโปรโมชันลดราคาอยู่ตลอดเวลา การจะดูแลให้ข้อมูลในบทความรีวิวเก่า ๆ จำนวนมากยังคงถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านจึงต้องใช้ทั้งแรงและเวลาในการตรวจสอบและแก้ไขพอสมควร
ยิ่ง content เยอะ ก็ยิ่งต้อง maintain ส่วนนี้เยอะขึ้นตามไปด้วย
ขณะเดียวกัน การแข่งขันในสมรภูมิ Affiliate Marketing ปัจจุบันก็ถือว่าสูงขึ้นเรื่อย ๆ เพราะไม่ใช่แค่ publisher รายใหญ่ แต่ยังมีเว็บไซต์เฉพาะทาง มี blogger หรือแม้แต่ influencer จำนวนมากที่หันมาสร้างรายได้ด้วยวิธีนี้ ทำให้การแย่งชิง traffic และยอดขายมีความเข้มข้นมากขึ้น
แม้ในประเทศไทยอาจจะยังไม่มีกฎหมายหรือข้อบังคับที่เข้มงวดชัดเจนในเรื่องการเปิดเผยข้อมูลเหมือนในต่างประเทศ แต่เรื่องความโปร่งใสก็เป็นสิ่งที่ควรคำนึงถึงครับ การแจ้งให้ผู้อ่านทราบอย่างชัดเจนว่าลิงก์ในบทความเป็น Affiliate Link ซึ่งผู้เขียนจะได้รับส่วนแบ่งหากมีการซื้อขายเกิดขึ้น ก็ถือเป็นแนวปฏิบัติที่ดีและช่วยสร้างความไว้วางใจให้กับผู้อ่านได้ครับ
ส่งท้าย
กลยุทธ์การทำ Affiliate Marketing ของไทยรัฐผ่าน Sub-folder /shopping/ ถือว่าเป็นโมเดลที่ ฉลาดและใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ที่มี (เว็บหลัก traffic สูง + Brand Trust) ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมาก ๆ ครับ เป็น case study ที่น่าสนใจและแสดงให้เห็นว่า content publisher รายใหญ่สามารถต่อยอดสร้างรายได้จาก Affiliate ได้อย่างเป็นระบบและมีโอกาสประสบความสำเร็จสูง
มันคือการผสมผสานพลังของ
- คอนเทนต์คุณภาพ
- SEO ที่แข็งแกร่ง,
- Traffic ที่มีอยู่แล้ว
- และความน่าเชื่อถือของแบรนด์ เข้ากับการเลือกสินค้าที่ตรงกับความสนใจของผู้อ่าน และการออกแบบ UX/UI ที่เอื้อต่อการตัดสินใจซื้อ
สำหรับคนทำคอนเทนต์, blogger, หรือ publisher ที่มองหาแนวทางสร้างรายได้ นี่เป็นอีกหนึ่งแนวทางที่น่าศึกษาและอาจนำไปปรับใช้กับช่องทางของตัวเองได้นะครับ (แน่นอนว่าต้องสร้าง traffic และความน่าเชื่อถือให้ได้ก่อน)
หวังว่าบทความเจาะลึกนี้จะเป็นประโยชน์นะครับ