Google ปรับนโยบาย SEO เพื่อลดการใช้ "Parasite SEO" บนเว็บไซต์ที่มีชื่อเสียง แม้แต่เว็บโหด ๆ site authority แรง ๆ อย่าง Forbes, Time... ก็ไม่รอด เว็บ affiliate ต้องรีบปรับตัว
Google อัปเดตนโยบาย Site Reputation Abuse เพื่อจัดการกับวิธีการที่เว็บไซต์บุคคลที่สาม (Third-party Sites)ใช้ประโยชน์จากโดเมนหรือความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ชื่อดังในการจัดอันดับผลการค้นหา
โดยเว็บไซต์ชื่อดังเช่น Forbes, Time, CNN, และ The Wall Street Journal ได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยปริมาณทราฟฟิกลดลงถึง 97% ในบางกรณี (เช่น Time Stamped)
จากภาพด้านล่าง ผมได้ใช้ Semrush ในการเช็ค traffic history และพบว่า
Traffic จากหลักล้าน เหลือหลักสิบ!!
อันที่จริงถ้าแบบล่าสุดเลยเหลือ 30 ก็คือแทบจะเป็น 0 เลยครับ
คีย์เวิร์ดคำค้นหายอดนิยม เช่น "Best CBD Gummies" และ "Best Pet Insurance (ประกันสัตว์เลี้ยงที่ดีที่สุด)" ซึ่งเคยถูก dominate (ครอบครอง) โดยเว็บไซต์ใหญ่ ๆ มีชื่อเสียงเหล่านี้ ถูกจัดอันดับใหม่โดย Google
นี่คือ Parasite SEO
Parasite SEO เป็นกลยุทธ์ที่ 3rd-party site ใช้โพสต์คอนเทนต์บนเว็บไซต์ที่มีชื่อเสียงเพื่อใช้ประโยชน์จาก Ranking Signals ของเว็บไซต์นั้น ๆ เช่น Domain Authority และ backlink ที่โหด ๆ ที่เว็บชื่อดังเหล่านั้น โดยผมเคยเขียนไว้ในบทความ Google Core Update
ผลของ Parasite SEO
ซึ่งการทำแบบนี้มันเกิดอะไรครับ? มันไปขัดขวางเว็บเล็ก ๆ หรือไม่ได้มีชื่อเสียงมาก ไม่ได้รับการจัดอันดับหรือได้ traffic ที่ควรจะได้ (แต่ทำคอนเทนต์มีคุณภาพหรือมีประโยชน์)
โดยทำคอนเทนต์มีประโยชน์มากกว่าเว็บ 3rd party site ที่เอาคอนเทนต์ไปฝาก เพื่อให้เว็บใหญ่ส่ง backlinks กลับให้ (แน่นอนมีค่าใช้จ่ายมาก ยิ่งเว็บที่ไปฝากมีชื่อเสียง ก็ค่าใช้จ่ายก็สูงตามไปด้วย) หรืออาจจะเว็บที่เอาคอนเทนต์ไปฝาก มีคอนเน็คชันกับเว็บใหญ่เหล่านั้น
ดังนั้นผลลัพธ์ที่ตามมาคือ user ได้รับประสบการณ์ที่ไม่ดีจากการค้นหา (Bad Search Experience) เนื่องจากคอนเทนต์มักไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เว็บไซต์หลักเชี่ยวชาญ
บทวิเคราะห์
การจัดการ Parasite SEO มีผลดีต่อ SEO ecosystem โดยรวม โดยการอัปเดตครั้งนี้ถือว่าแฟร์ ๆ ในผลการค้นหา เพราะจะทำให้ลดการใช้เทคนิค "แอบแฝง" หรือถ้าทางการหน่อยก็ Site Reputaion Abuse นั่นแหละครับ เพื่อให้ได้อันดับสูง
ทำให้ธุรกิจขนาดเล็กหรือเว็บไซต์ที่สร้างเนื้อหาคุณภาพแท้จริง จะมีโอกาสมากขึ้นในการแข่งขัน
User ได้ประโยชน์
ผู้ใช้งาน Google จะได้ประสบการณ์การค้นหาที่ดีขึ้นจากคอนเทนต์ที่มีความเกี่ยวข้องและน่าเชื่อถือ ไม่ใช่ garbage หรือ thin content ที่มาจากเว็บใหญ่ ๆ โดเมนแรง ๆ เพียงอย่างเดียวที่ได้ประโยชน์จากพลังโดเมนที่แรงจัด แล้วติดอันดับเฉยในหน้าผลการค้นหา ถึงแม้คอนเทนต์จะกากกว่าเว็บเล็ก ๆ ที่ทำคอนเทนต์ดี
ทำ Affiliate อย่างระมัดระวัง
ธุรกิจที่อิงคอนเทนต์แนว Affiliate ควรต้องปรับกลยุทธ์ โดยโฟกัสที่คอนเทนต์คุณภาพสูง และตรวจสอบว่ามีการทำ SEO อย่างโปร่งใส ไม่มีอะไรแอบแฟง
อย่างเช่นเว็บ affiliate ของ Time ที่ผมได้โชว์กราฟให้ดูด้านบน traffic จากหลักล้านตอนนี้เหลือหลักสิบ
ตัวอย่าง affiliate website
แล้ว Affiliate จะยังน่าทำอยู่ไหม?
ไม่ใช่ทุกเว็บไซต์ที่มีลิงก์ Affiliate จะเข้าข่าย Thin Affiliate หากเว็บไซต์นั้นเพิ่มคุณค่า (Add Value) ให้กับคอนเทนต์อย่างแท้จริง เว็บไซต์ Affiliate ที่ดีควร
- ให้ข้อมูลเพิ่มเติม เช่น การเปรียบเทียบราคา
- รีวิวสินค้าอย่างเป็นกลางด้วยการทดสอบหรือการให้คะแนนที่มีหลักฐาน
- มีฟีเจอร์ช่วยในการนำทางสินค้า เช่น ตัวกรองสินค้าในหมวดหมู่ต่าง ๆ
- เปรียบเทียบสินค้าหลายรายการ เพื่อช่วยผู้ใช้งานตัดสินใจ
หรือพูดง่าย ๆ ทำยังไงก็ได้ให้ UX ดี แล้วมอบคุณค่าให้ user มากที่สุดที่จะทำได้ และท้ายที่สุดถ้าจะทำ affilate เป็นไปได้ควรแยกออกจากเว็บไซต์เล็ก คือถ้าจะตายก็ควรตายไปเว็บเดียวซะ ไม่ต้องดึงเว็บหลักเราลงเหวไปด้วย เข้าไวออกไว โดนปิดก็เปิดใหม่ได้ ไม่เสียหายไรงี้ (คือไม่ต้องไปผูกกับเว็บคุณภาพของเรา)
อ้างอิง
