Google ฟ้อง SerpApi! จุดจบสาย Scrape? เมื่อการดึงข้อมูล Search ไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป

Sonthaya T.
Updated: Dec. 21, 2025
สารบัญ
กำลังโหลดสารบัญ...

Google ยื่นฟ้อง SerpApi ฐานเจาะระบบ SearchGuard และละเมิดลิขสิทธิ์ คดีนี้จะเปลี่ยนโฉมวงการ SEO Tools และ Custom Rank Tracker อย่างไร? อ่านสรุปผลกระทบและทางรอดได้ที่นี่

จำบทความก่อนหน้านี้ที่ผมเคยเขียนเรื่องทำ SEO Rank Tracker แบบ custom ใช้เอง" ได้ไหมครับ?

ในบทความนั้น ผมได้แนะนำเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพอย่าง "SerpApi" ที่ช่วยให้ Developer หรือคนทำ SEO สามารถดึงข้อมูลอันดับ (Ranking) จาก Google มาแสดงผลใน Dashboard ของตัวเองได้สะดวก โดยลดความซับซ้อนในการเขียน Code เพื่อ Scrape ข้อมูลเอง


Serpapi



แต่สถานการณ์ปัจจุบันได้เปลี่ยนไปครับ เมื่อเครื่องมือที่เราคุ้นเคยกำลังกลายเป็นประเด็นข้อพิพาททางกฎหมายครั้งสำคัญกับ Google

ล่าสุด Google ได้ตัดสินใจยื่นฟ้อง SerpApi อย่างเป็นทางการ ด้วยข้อกล่าวหาสำคัญเกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธิ์และการหลบเลี่ยงมาตรการรักษาความปลอดภัยของระบบ

กรณีนี้ไม่ใช่เพียงการปรับเปลี่ยนนโยบาย (Policy) เหมือนกรณี &num=100 ที่ผ่านมา แต่นี่คือคดีความ (Lawsuit) ที่อาจส่งผลกระทบและเปลี่ยนโครงสร้างของวงการ Data Scraping รวมถึงเครื่องมือ SEO Tools รายย่อยไปตลอดกาลครับ

SearchGuard คืออะไร และมูลเหตุของการฟ้อง

ประเด็นสำคัญในครั้งนี้ไม่ได้อยู่ที่การ ดึงข้อมูล (Scraping) ทั่วไป แต่ Google อ้างว่า SerpApi ได้กระทำการ  เจาะระบบหรือหลบเลี่ยงมาตรการป้องกันที่ชื่อว่า SearchGuard

SearchGuard คือระบบรักษาความปลอดภัยใหม่ของ Google (เปิดตัวเมื่อ ม.ค. 2025) ซึ่งมีหน้าที่คัดกรองและแยกแยะว่า Traffic ที่เข้ามานั้นมาจาก "ผู้ใช้งานจริง" หรือ "บอท (Bot)"

ซึ่งในคำฟ้อง Google ระบุว่า SerpApi ได้ใช้วิธีการต่าง ๆ เพื่อหลบเลี่ยงระบบนี้

  • Cloaking: การปลอมแปลงสถานะการเชื่อมต่อ
  • Botnet: การใช้เครือข่ายบอทจำนวนมหาศาลในการส่งคำขอข้อมูล (Request)
  • Fake Browser: การสร้าง Browser จำลองและหมุนเวียน IP Address เพื่อตบตา Google ว่าเป็นผู้ใช้งานทั่วไป



เอกสารคำฟ้องร้องของ Google ต่อ Serpapi

สิ่งที่ Google ให้ความสำคัญอย่างมากคือ SerpApi ไม่ได้ดึงเพียงข้อมูล text ทั่วไป แต่มีการดึง Licensed Content (เนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์) เช่น รูปภาพใน Knowledge Panels, ข้อมูล Real-time ใน Maps หรือ Shopping ซึ่ง Google มีต้นทุนในการบริหารจัดการและลิขสิทธิ์ แต่กลับถูกนำไปให้บริการต่อ (Resell) ในเชิงพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาต



มุมมองจากทั้งฝั่ง Google และ Serpapi

เพื่อให้เห็นภาพความขัดแย้งชัดเจนขึ้น ผมขอหยิบยกคำแถลงการณ์ล่าสุดจากทั้งสองฝ่ายที่ให้สัมภาษณ์กับ Reuters มาให้ดูครับ ซึ่งสะท้อนมุมมองที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ฝั่ง Google มองว่า "นี่คือการกระทำที่อุกอาจ"

ทาง Google ยืนยันว่าการกระทำของ SerpApi เป็นการละเมิดระบบความปลอดภัยอย่างร้ายแรง และจำเป็นต้องดำเนินการขั้นเด็ดขาด ...

"เมื่อมาตรการป้องกันความปลอดภัยทางเทคนิคของเราถูกละเมิดอย่างโจ่งแจ้งและไร้ยางอาย (Brazen way) เช่นนี้ เราจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องใช้มาตรการทางกฎหมายเป็นทางออกสุดท้ายเพื่อยุติพฤติกรรมดังกล่าว" Halimah DeLaine Prado, General Counsel ของ Google


ฝั่ง SerpApi มองว่า "นี่คือการขัดขวางนวัตกรรม"

ในขณะที่ SerpApi โต้กลับว่าสิ่งที่ตนทำคือการปกป้องเสรีภาพในการเข้าถึงข้อมูลสาธารณะ และมองว่า Google กำลังพยายามผูกขาดข้อมูลเพื่อสกัดดาวรุ่ง ...

"ข้อมูลที่เราให้บริการ คือข้อมูลเดียวกับที่ใคร ๆ ก็สามารถเปิดดูได้ใน Browser โดยไม่ต้องล็อกอิน... เราเชื่อว่าการฟ้องร้องครั้งนี้คือความพยายามที่จะขัดขวางการแข่งขันจากเหล่านักนวัตกรรม ที่ต้องพึ่งพาบริการของเราเพื่อสร้าง AI ยุคใหม่, ระบบความปลอดภัย, และแอปพลิเคชันอื่น ๆ"  — แถลงการณ์จาก SerpApi (พร้อมประกาศว่าจะต่อสู้คดีในชั้นศาลอย่างถึงที่สุด)


ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อวงการ SEO Tools


1. ผลกระทบต่อ SEO Tools รายย่อย

ต้องยอมรับว่า SEO Tools ขนาดเล็ก, Rank Tracker ราคาประหยัด, หรือแม้แต่ AI Chatbot หลายราย อาจไม่ได้มีทรัพยากรมากพอที่จะพัฒนาระบบ Crawler ขนาดใหญ่เทียบเท่า Semrush หรือ Ahrefs
ผู้พัฒนาจำนวนมาก (รวมถึงโปรเจกต์ Custom Rank Tracker) ล้วนพึ่งพา API จาก SerpApi เป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักในการดึงข้อมูล

หาก SerpApi ยุติการให้บริการ = การเข้าถึงข้อมูลหยุดชะงัก Custom Tools ที่พัฒนาไว้อาจไม่สามารถใช้งานได้ หรือจำเป็นต้องหาผู้ให้บริการรายใหม่ที่มีต้นทุนสูงขึ้น

2. สงคราม AI และ Data Ownership
นักวิเคราะห์มองว่านี่คือกลยุทธ์สำคัญที่ Google ใช้เพื่อจำกัดศักยภาพของ AI Search คู่แข่ง (เช่น Perplexity หรือ Chatbot อื่น ๆ) เนื่องจาก AI เหล่านี้จำเป็นต้องใช้ "Real-time Search Data" เพื่อประมวลผลคำตอบ และหลายรายเลือกดึงข้อมูลผ่าน API ในลักษณะเดียวกับ SerpApi

การดำเนินการกับ SerpApi จึงเปรียบเสมือนการตัดช่องทางการเข้าถึงข้อมูลสำคัญของคู่แข่งทางอ้อม


OpenAI คู่แข่งโดยตรงของ Google ในช่วง 4 เดือนก่อนก็มีข่าวว่าใช้ Serpapi (ที่มา: Reddit r/SEO)


แนวทางปรับตัวสำหรับผู้ใช้ Custom Rank Tracker

สำหรับเพื่อน ๆ ที่ได้ทดลองทำตามบทความ "ทำ SEO Rank Tracker แบบ custom ใช้เอง"
ยังไม่ต้องตระหนกครับ แต่ควรเริ่มวางแผนรับมือ

  • ระยะสั้น: SerpApi ยังคงให้บริการตามปกติ และกระบวนการทางกฎหมายน่าจะใช้เวลาดำเนินการอีกระยะหนึ่ง
  • ระยะยาว: เราควรเริ่มมองหา Alternative หรือแผนสำรอง เช่น
  • ศึกษา Official API ของ Google (แม้จะมีค่าใช้จ่ายและข้อจำกัดที่มากกว่า)
  • พิจารณาผู้ให้บริการรายอื่นที่มีมาตรฐาน Compliance ที่รัดกุมกว่า

กรณีของ SerpApi เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า "Data is the new Oil" และผู้ให้บริการแพลตฟอร์มอย่าง Google จะมีมาตรการที่เข้มงวดขึ้นในการปกป้องข้อมูล
ในยุคถัดไป การทำ SEO หรือการพัฒนา Tools อาจจำเป็นต้องคำนึงถึงธรรมาภิบาลข้อมูล (Data Governance) มากขึ้น และพึ่งพาข้อมูลที่เป็น Official Source หรือ First-Party Data เป็นหลัก เพื่อความยั่งยืนของธุรกิจ

สำหรับผู้ที่ใช้งาน Custom Script อยู่ แนะนำให้หมั่นตรวจสอบสถานะของระบบอย่างสม่ำเสมอ หากมีความคืบหน้าเพิ่มเติม ผมจะรีบนำมาอัปเดตให้ทราบครับ


หากเจ้าของธุรกิจท่านใดสนใจ SEO Service/Consultant 

✅ ผมมีบริการ...รับทำ SEO อยู่นะครับ (ทำเฉพาะสายขาวเท่านั้น ส่วนสายดำ สายเทาไม่จำเป็นต้องแอดให้เสียเวลาครับ)


แหล่งอ้างอิง

Sonthaya T.

Sonthaya T.

Author

ที่ปรึกษาด้าน Web & SEO สำหรับองค์กรและเจ้าของธุรกิจ ชอบออกแบบแนวทางและวิธีการสอนให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด เชื่อว่าความรู้คือหนึ่งในสิ่งที่มีคุณค่ามากที่สุดและจะติดตัวเราไปในทุกที่ หลงไหลในธรรมชาติ การเดินทาง เป็นพ่อของแงว ๆ อยู่หลายตัว เสพติดกาแฟ (อเมริกาโน่) และชอบการจิบเบียร์...ในบางครั้ง