Google Analytics 4 (GA4)



เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเว็บของเรามีจำนวนการดูหน้าเว็บ (Page Views) แต่ละเดือนมากน้อยแค่ไหน มีผู้ใช้ (users) ทั้งปัจจุบันและผู้ใช้ใหม่กี่คนที่ใช้งานเว็บเรา ผู้ใช้เปิดอ่านหรือคนเข้าเว็บเปิดดูหน้าไหนเยอะสุด ใช้เวลาแต่ละหน้าไปมากน้อยแค่ไหน เข้าผ่านอุปกรณ์ เบราว์เซอร์ หรือระบบปฏิบัติการไหนบ้าง และอย่างอื่นสารพัดที่เป็น insight ของเว็บเรา... ทุกอย่างที่กล่าวมา เราสามารถใช้เครื่องมือฟรีและดีสุด ๆ จาก Google ที่เจ้าของเว็บทุกคนต้องมี เครื่องมือที่ว่านี้ก็คือ "Google Analytics"


Google Analytics 4 (GA 4) คืออะไร?

Google Analytics 4 (GA 4) คือ เครื่องมือวิเคราะห์เว็บไซต์จาก Google ซึ่งเป็นเครื่องมือที่นิยมในการดู insights ด้าน web performance มากที่สุดเครื่องมือหนึ่งในปัจจุบัน ในหมู่นักการตลาดออนไลน์ เจ้าของเว็บไซต์ คนทำ SEO ฯลฯ

ทำให้ไม่แปลกใจเลยครับว่า นี่คือหนึ่งในเครื่องมือยอดนิยมที่สุดสำหรับการวิเคราะห์เว็บไซต์ และมีประโยชน์เป็นอย่างมากสำหรับนำ insights ต่าง ๆ ที่ได้จาก GA4 ไปปรับ performance ของเว็บให้ดีต่อ User Journey มากขึ้น เพื่อให้เราได้ conversion หรือลูกค้ามากขึ้น รวมไปถึงนำไปใช้ในแคมเปญการตลาด ไม่ว่าจะเป็นการยิงแอด Google, Facebook, TikTok ฯลฯ เป็นต้น




Event-based Tracking

Event-based Tracking คือแนวทางการเก็บข้อมูลใน Google Analytics 4 (GA4) ที่แตกต่างจากวิธีการติดตามแบบเดิมใน Universal Analytics ซึ่งใช้การติดตามข้อมูลแบบอิงกับเซสชัน (Session-based)

ใน GA4 ทุก event ที่ user ทำ ไม่ว่าจะเป็นการดูหน้าเว็บ การคลิก การส่งแบบฟอร์ม หรือการเล่นวิดีโอ จะถูกจัดเก็บเป็น "เหตุการณ์" หรือที่เรียกว่า Event


ใด ๆ  ในโลก (ของ GA 4) คือ Event-based Tracking

การ track ในรูปแบบนี้ช่วยให้สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้ในเชิงลึกได้ดียิ่งขึ้น เพราะ Event สามารถออกแบบให้ติดตามทุกการโต้ตอบ (interaction) ที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็น

  • การดูหน้าเว็บ (Page views)
  • การคลิกบนปุ่ม (Clicks)
  • การส่งฟอร์ม (Form submissions)
  • การเล่นหรือหยุดวิดีโอ (Video plays)

หนึ่งในข้อดีของการใช้ Event-based Tracking คือความสามารถในการเก็บข้อมูลที่ละเอียดยิบและตรงตามพฤติกรรมของผู้ใช้ได้มากกว่าเดิม เราสามารถติดตามกิจกรรมในทุกแพลตฟอร์ม เช่น เว็บ แอป หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าผู้ใช้จะเปลี่ยนอุปกรณ์ระหว่างการใช้งาน


ฟีเจอร์ของ Google Analytics

  • จำนวนผู้เยี่ยมชมและผู้เยี่ยมชมที่กลับมา: บอกจำนวนครั้งที่มีผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณ รวมถึงจำนวนครั้งที่คนเดิมกลับมาเยี่ยมชมใหม่อีกครั้ง ซึ่งช่วยให้เราทราบว่าเว็บไซต์ของเรามีความน่าสนใจและคนที่เข้าเว็บจะกลับมาเข้าเว็บอีกครั้งหรือไม่
  • แหล่งที่มาของผู้เยี่ยมชม: บอกว่าคนเข้าเว็บมาจากที่ไหนบ้าง เช่น มาจากการค้นหาในเสิร์ชเอนจิน เช่น Google (Organic Search) การเปิดดูจากโฆษณา (Ads) การเชื่อมโยงจากเว็บไซต์อื่น ๆ (Referral) เป็นต้น ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้เราเข้าใจว่าแหล่งที่มาของคนเข้าเว็บมาจากช่องทางใด (ซึ่งจะต่างจาก Google Search Console ที่มาจาก Google Search เพียงอย่างเดียว)
  • พฤติกรรมผู้เยี่ยมชม (User Behavior): บอกเกี่ยวกับการเข้าชมหน้าเว็บไซต์แต่ละหน้า ระยะเวลาที่อยู่ในเว็บไซต์ อัตราการส่งต่อหรือเปิดดูหน้าอื่น ๆ ในเว็บไซต์ เป็นต้น ช่วยให้เราเข้าใจพฤติกรรมและทิศทางการใช้งานของคนเข้าเว็บ
  • การแสดงความสนใจในเว็บไซต์: บอกเกี่ยวกับ action ของผู้เยี่ยมชมในเว็บไซต์ เช่น การกรอกแบบฟอร์ม การกดปุ่ม การซื้อสินค้า เป็นต้น ช่วยให้เราทราบว่าคนที่เข้าเว็บกำลังทำอะไรในเว็บไซต์ของเรา
  • การติดตามการเปิดดูการโฆษณา: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพของการโฆษณาในเว็บไซต์ของเรา ซึ่งช่วยให้สามารถตรวจสอบว่าการโฆษณาของเรามีผลให้ผู้เยี่ยมชมกดดูหรือไม่
  • การวิเคราะห์การนำทาง (Navigation): ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการวิเคราะห์การนำทางในเว็บไซต์ เช่น การคลิกลิงก์ในเมนูหรือการนำทางระหว่างหน้า ช่วยให้เราเข้าใจว่าผู้เยี่ยมชมไปที่หน้าไหนและมีเนื้อหาอะไรที่ทำให้พวกเขาเข้าถึงหน้านั้น ๆ


ภาพรวมรายงานใน Google Analytics

ภาพรวมรายงานใน GA4

จากภาพตัวอย่างคือฟีเจอร์ "ภาพรวมรายงาน" ของ Google Analytics แสดงข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับประสิทธิภาพของเว็บไซต์ contentmastery.io ในช่วงวันที่ 14 มิ.ย. - 11 ก.ค. 2024 ดังนี้

1. ตัวชี้วัดหลัก

  • ผู้ใช้: 606 คน
  • ผู้ใช้ใหม่: 576 คน
  • เวลาในการมีส่วนร่วมโดยเฉลี่ย: 1 นาที 3 วินาที
  • รายได้ทั้งหมด: $0.00 (ยังไม่ได้เซ็ตตัว conversion tracking)

2. กราฟแนวโน้ม
แสดงจำนวนผู้ใช้รายวัน โดยมีจุดสูงสุดประมาณ 100 คนในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม และมีแนวโน้มลดลงเล็กน้อยหลังจากนั้น
3. ผู้ใช้ที่ใช้งานอยู่

  • ในช่วง 30 นาทีที่ผ่านมา: 1 คน
  • แผนภูมิแท่งแสดงผู้ใช้ที่ใช้งานอยู่แบ่งตามประเทศ โดยมีประเทศไทยเพียงประเทศเดียว

4. ผู้ใช้ใหม่มาจากที่ใดบ้าง

  • แสดงแหล่งที่มาของผู้ใช้ใหม่ โดยมาจากแหล่งที่มาต่าง ๆ  เช่น Organic Search หรือค้นหาใน Google (เยอะสุด) รวมไปถึงการพิมพ์ชื่อเว็บตรง ๆ  อย่าง Direct ฯลฯ

5. แคมเปญยอดนิยมของคุณคืออะไรบ้าง

แสดงประสิทธิภาพของแคมเปญต่าง ๆ โดยมี Organic Search เป็นช่องทางหลักที่นำผู้ใช้มายังเว็บไซต์ ด้วยจำนวน 372 ครั้ง ตามด้วย Direct ที่ 305 ครั้ง เป็นต้น


Time on Page Report

นี่เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่สำคัญของ Google Analytics เลยครับ ทำให้เราทราบเวลาที่ผู้ใช้ ใช้ไปกับหน้าเว็บของเรา


Time on Page Report ใน GA4


ซึ่งฟีเจอร์ "เวลาบนหน้าเว็บ (Time on Page)" เป็นตัวชี้วัดสำคัญที่แสดงถึงระยะเวลาโดยเฉลี่ยที่ผู้ใช้ ใช้ในการอ่านหรือมีปฏิสัมพันธ์กับหน้าเว็บแต่ละหน้าของเว็บเรา ก่อนที่จะเปลี่ยนไปยังหน้าอื่นหรือออกจากเว็บไซต์ ซึ่งข้อมูลนี้ช่วยให้เราเข้าใจว่าเนื้อหาใดที่ดึงดูดความสนใจของผู้ใช้ได้มากที่สุด และหน้าไหนที่อาจต้องการการปรับปรุง

จากข้อมูลที่เห็นในภาพ เราสามารถสังเกตได้ว่าหน้าเว็บต่าง ๆ มีเวลาในการมีส่วนร่วมที่แตกต่างกัน เช่น

  • หน้าหลัก (home page) มีเวลาเฉลี่ย 51 วินาที
  • ในขณะที่หน้าเกี่ยวกับการออกแบบ SEO Friendly URL มีเวลาเฉลี่ยสูงถึง 47 วินาที ซึ่งอาจบ่งชี้ว่าเนื้อหาในหน้านี้มีความน่าสนใจและให้ข้อมูลที่มีคุณค่าแก่ผู้อ่าน

การวิเคราะห์ "เวลาบนหน้าเว็บ (Time-on Page)" ร่วมกับตัวชี้วัดอื่น ๆ เช่น อัตราการมีส่วนร่วม (Engagement Rate) และจำนวนหน้าต่อการเข้าชม จะช่วยให้เข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งเราสามารถใช้ข้อมูลนี้เพื่อปรับปรุงเนื้อหา ออกแบบโครงสร้างเว็บไซต์ใหม่ หรือพัฒนากลยุทธ์การตลาดดิจิทัลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น


ขออธิบายเพิ่มเติมนิด โดย Engagement Rate ใน Google Analytics 4 (GA4) นับเป็นเปอร์เซ็นต์ของเซสชันที่ถือว่าเป็น "Engaged Sessions" หรือเซสชันที่มีการโต้ตอบจากผู้ใช้ โดยมีเงื่อนไขดังนี้

  • ซสชันที่ผู้ใช้เปิดอ่านตั้งแต่ 10 วินาทีขึ้นไป
  • เซสชันที่มีการดำเนินการอย่างน้อยหนึ่งเหตุการณ์ (เช่น คลิก หรือ ดูวิดีโอ เป็นต้น)
  • เซสชันที่มีการเปิด หลายหน้า (2 หน้า) หรือมากกว่าในเว็บไซต์


อย่างไรก็ตาม เราอาจจะต้องระมัดระวังในการตีความข้อมูลกันด้วยครับ เนื่องจากเวลาที่นานนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าดีเสมอไป และเวลาที่สั้นก็ไม่ได้หมายความว่าแย่เสมอไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของหน้าเว็บนั้น ๆ และพฤติกรรมที่คาดหวังจากผู้ใช้

ดังนั้นการใช้ข้อมูลจาก "เวลาบนหน้าเว็บ (Time on Page)" จะช่วยในการตัดสินใจปรับปรุงเว็บไซต์และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ


Technical Report Overview (ภาพรวมด้านเทคนิค)

จากภาพหน้าจอของ Google Analytics 4 (GA4) หน้านี้คือ ภาพรวมด้านเทคนิค (Technical Report) ซึ่งแสดงข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์และแพลตฟอร์มที่ผู้ใช้งานเข้าถึงเว็บไซต์ตัวอย่างในช่วงวันที่ 17 ก.ย. - 14 ต.ค. 2024

Technical Report Overview


โดยมีการแบ่งส่วนของข้อมูลหลัก ๆ ดังนี้
1. แพลตฟอร์มที่ใช้งาน: ผู้ใช้ทั้งหมดมาจากเว็บไซต์ (Web) 100% ไม่มีการเข้าถึงจากแอป
2. จำนวนผู้ใช้งานในช่วง 30 นาทีล่าสุด: มีผู้ใช้งานทั้งหมด 5 คน โดยทั้งหมดเข้าผ่านเว็บ
3. ระบบปฏิบัติการที่ผู้ใช้งานใช้: ผู้ใช้งานส่วนใหญ่ใช้ Windows (9.4K) รองลงมาเป็น Android (2.4K) และ macOS (2.1K)
4. อุปกรณ์ที่ใช้เข้าเว็บไซต์: ผู้ใช้งานเว็บ/เดสก์ท็อป (12K), มือถือ (5K), แท็บเล็ต (446)
5. เบราว์เซอร์ที่ใช้เข้าเว็บไซต์: Chrome เป็นเบราว์เซอร์หลัก (10K) ตามมาด้วย Safari (3.1K) และ Edge (1K)
6. อุปกรณ์ที่ผู้ใช้ใช้งาน: ส่วนใหญ่เข้าผ่าน Desktop (68.3%) และ Mobile (29.1%)
7. ความละเอียดหน้าจอที่ผู้ใช้ใช้งาน: ความละเอียด 1920x1080 เป็นความละเอียดที่ใช้งานมากที่สุด (ประมาณ 4K ผู้ใช้)

แต่ละส่วนของ Technical Report แสดงให้เห็นถึงรายละเอียดเชิงเทคนิคของผู้เข้าชม เช่น อุปกรณ์ ระบบปฏิบัติการ และเบราว์เซอร์ ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับการปรับปรุงเว็บไซต์ให้รองรับผู้ใช้ได้ดียิ่งขึ้น


Landing Page (หน้าที่เข้าครั้งแรก)

Landing Page ใน GA4 ซึ่งเป็นหน้าที่ผู้ใช้เข้ามาครั้งแรกเมื่อเยี่ยมชมเว็บไซต์

Landing Page Report ใน GA4

โดยแสดงรายละเอียดดังนี้

  • เซสชัน (Sessions): จำนวนการเริ่มต้นเยี่ยมชมเว็บไซต์จากหน้า Landing Page แต่ละหน้า
  • ผู้ใช้ที่ใช้งานอยู่ (Active Users): จำนวนผู้ใช้ที่ยังอยู่ในเว็บไซต์ระหว่างช่วงเวลาที่เก็บข้อมูล
  • ผู้ใช้ใหม่ (New Users): จำนวนผู้ใช้ที่เข้าชมเว็บไซต์เป็นครั้งแรก
  • เวลาในการมีส่วนร่วมต่อเซสชัน: ระยะเวลาที่ผู้ใช้โต้ตอบกับเนื้อหาบนหน้าเว็บโดยเฉลี่ย
  • เหตุการณ์สำคัญ (Conversions): กิจกรรมหรือการกระทำที่ถือว่าสำคัญ เช่น การกรอกฟอร์ม หรือการซื้อสินค้า


Enhanced Measurement Events

นอกจากนี้ Google Analytics 4 (GA4) ยังมี "อีเวนต์การวัดผลขั้นสูง" (enhanced measurement events) ซึ่งสามารถเปิดหรือปิดได้ในการตั้งค่าผู้ดูแลระบบ

Enhanced Measurement Events

โดย events เหล่านี้ประกอบด้วย

  1. การดูหน้า (page_view): ส่วนนี้จะบันทึกทุกครั้งที่ผู้ใช้โหลดหรือรีโหลดหน้าเว็บ

  2. การเลื่อนหน้า (scroll): ส่วนนี้จะ track เมื่อผู้ใช้เลื่อนลงมาถึง 90% ของหน้าเว็บ

  3. การคลิกลิงก์ภายนอก (outbound click): บันทึกเมื่อผู้ใช้คลิกลิงก์ไปที่โดเมนหรือเว็บอื่น

  4. การค้นหาภายในเว็บไซต์ (site search): Track การใช้งานฟังก์ชันค้นหาภายใน (Internal Site Search) บนเว็บของเรา

  5. การมีส่วนร่วมกับวิดีโอ (video engagement): บันทึกการกระทำต่าง ๆ เกี่ยวกับวิดีโอ เช่น การเริ่มเล่น การหยุดชั่วคราว การดูจนจบ

  6. การดาวน์โหลดไฟล์ (file download): Track เมื่อผู้ใช้ดาวน์โหลดไฟล์จากเว็บไซต์ของเรา

อีเวนต์เหล่านี้ช่วยให้เราเก็บ insight เกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้ใช้บนเว็บได้แบบอัตโนมัติ โดยไม่ต้องเพิ่มโค้ดเพิ่มเติม ซึ่งสามารถเปิดหรือปิดอีเวนต์เหล่านี้ได้ตามความต้องการในการตั้งค่า GA4 ทำให้ช่วยให้เรา custom การเก็บข้อมูลให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะของเว็บไซต์เราได้


ติดตั้งยังไง?

สำหรับเพื่อน ๆ ที่ยังไม่มี GA4 ถือว่าอาจจะพลาดโอกาสดู insight ที่จำเป็นหลายอย่างเลยครับ ดังนั้นไปติดตั้งกันได้ครับ โดยการติดตั้งก็จะมี 2 วิธีหลัก ๆ เช่น

  1. ติดตั้ง GA4 โดยตรง
  2. ติดตั้งผ่าน Google Tag Manager (GTM)

โดยวิธีการที่ผมแนะนำคือติดตั้งผ่าน GTM เพราะมันจะทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้นเยอะ ไม่ต้องคอยพึ่ง dev เมื่อเราต้องการ tracking events ต่าง ๆ ในเว็บที่เราต้องการ (เดี๋ยวจะเขียนบทความแยก)

ติดตั้ง GTM บนเว็บครั้งเดียวจบ



แล้วค่อยนำ GA4 ไปยัดลงใน GTM อยาก track อะไร ก็ไป set ใน GTM เอา เป็นวิธีที่สะดวกและยืดหยุ่นที่สุดในปัจจุบัน


นี่ก็เป็นแค่ภาพรวมแค่บางส่วนของ Google Analytics ยังมีอีกหลายฟีเจอร์ที่แจ่ม ๆ  และน่าสนใจ แต่ผมก็คิดว่าน่าจะทำให้เพื่อน ๆ  มองภาพรวมและประโยชน์ของการใช้ GA4 ออก และนำไปประยุกต์ใช้งานได้นะครับ