• Home
  • Blog
  • Backlink คืออะไร วิธีทำ Link Building เพื่อดันอันดับ SEO 2023

Backlink คืออะไร วิธีทำ Link Building เพื่อดันอันดับ SEO 2023

Son Content Mastery
Updated: Sept. 22, 2023


ทำคอนเทนต์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ บทความก็เขียนครอบคลุมทุกส่วนแล้ว หน้าเว็บส่วนต่าง ๆ ก็ปรับแล้วจนสุด แต่เว็บก็ยังไม่ติดอันดับหน้าแรก ๆ Google เสียที นั่นก็เพราะว่าเว็บคุณยังไม่มีลิงก์ดี ๆ หรือเปล่าครับ ?

นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำการทำ Backlink หรือ Link Building จึงมีความสำคัญมาก ๆ สำหรับ SEO ไม่จะผ่านมากี่ปี ๆ ก็ยังเป็นหนึ่งในปัจจัยคลาสสิคที่สำคัญลำดับแรก ๆ

คำถามคือ เราจะเพิ่ม backlinks (ทำ Link Building) ให้เว็บของเราได้อย่างไร และลิงก์ที่ดีและไม่ดี เราจะดูออกได้ยังไง ? บทความนี้จะมาอธิบายให้เข้าใจแบบย่อยสุด ๆ และละเอียดยิบในทุกมิติกันไปเลยครับ

Backlink คืออะไร ?

Backlink (หรือ Inbound Link) คือ การที่มีเว็บภายนอกหรือเว็บอื่นลิงก์มาที่เว็บไซต์ของเรา จากหน้าเว็บเพจหรือบทความภายในเว็บเหล่านั้น ยิ่งมีเว็บไซต์ที่ลิงก์กลับมาที่เว็บเราเยอะ ก็คือสัญญาณสำคัญบอกให้ Google รู้ว่าเว็บหรือบทความนั้น ๆ ของเรามีคุณภาพนะ (เพราะไม่งั้นเว็บอื่นจะลิงก์มาหาทำไมเนอะ ?)


เสมือนเป็นคะแนนโหวตจากเว็บอื่นมาให้เรา (Image Credit: Semrush)


วิธีการเช็ค Backlink 

โดยวิธีการเช็ค backlinks นั้น ก็ทำได้ไม่ยากครับ โดยในบทความนี้จะแนะนำในเบื้องต้นอยู่ 2 วิธี คือ 

  1. เช็คลิงก์ผ่าน Google Search Console
  2. เช็คลิงก์ผ่าน Ahrefs Backlink Checker 

โดยตัวแรกก็เป็นเครื่องมือฟรีของ Google นั่นก็คือ Google Search Cosole (GSC) ที่ทั้งใช้งานง่ายและฟรีแถมดีอีกด้วย ซึ่งเราต้องติดตั้งหรือเชื่อมต่อกับเจ้าเครื่องมือนี้ก่อนครับเราถึงจะสามารถเข้าใช้งานและดู traffic หรือ insights ต่าง ๆ ของเว็บเราได้ 

แนะนำบทความ: วิธีการใช้งาน Google Search Console สำหรับผู้เริ่มต้น


สมมติว่าตอนนี้เว็บของเราเชื่อมต่อ GSC เรียบร้อยแล้ว เมื่อคลิกที่แถบ "Links" ก็จะเห็น

  • หมายเลข 1 คือ เพจที่เว็บอื่นลิงก์มาหาเว็บเรามากที่สุด พร้อมจำนวนของ Backlinks ในหน้าเว็บเพจนี้
  • หมายเลข 2 คือ ชื่อเว็บที่ลิงก์มา พร้อมกับจำนวนลิงก์ที่เว็บ ๆ นั้นลิงก์มา



เช็ค backlinks ผ่าน Google Search Console

ส่วนวิธีต่อมานั้น ไม่ต้องติดตั้งอะไรให้ยุ่งยากเพราะสามารถเช็คผ่านเบราว์เซอร์ได้เลย สะดวกและง่ายสุด ๆ ก็คือผ่านตัว Backlink Checker ซึ่งตัวนี้จะแจ่มกว่า GSC ตรงที่เราสามารถเช็ค backlinks เว็บของใครก็ได้ในโลกนี้ เพียงแค่คัดลอกลิงก์เว็บไปวางบนช่องฟอร์ม (แต่เวอร์ชันฟรีนั้นก็จะไม่ได้แสดงผลทั้งหมดครับ จะมี limit ไว้อยู่) 


ทดสอบเช็ค backlink ใน Backlink Checker

จากภาพด้านบนผมได้ลองเช็คลิงก์ของเว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์ จะเห็นว่าเว็บนี้มี

  • DA (Domain Rating) อยู่ที่ 82
  • มีจำนวน backlinks สูงกว่า 35 ล้านลิงก์ (ก็ไม่แปลกเลยครับ สำหรับเว็บที่มีคนเข้าชมสูงลำดับต้น ๆ ของไทยอย่างเว็บสำนักข่าวไทยรัฐ)
  • มีเว็บไซต์ที่ลิงก์มาที่เว็บนี้กว่า 65,000 เว็บ (ซึ่งแน่นอนว่าแต่ละเว็บก็จะมีลิงก์มาที่เว็บไทยรัฐมากกว่า 1 ลิงก์)

แนะนำบทความ: วิธีการใช้งาน Backlink Checker ของ Ahrefs

แต่...เดี๋ยวก่อนครับ ในความเป็นจริงคือไม่ใช่ทุกเว็บที่ลิงก์มาที่เว็บเราจะเป็นลิงก์ที่มีคุณภาพหรือลิงก์ที่ดีทุกเว็บ แต่ก่อนที่เราจะไปทำความเข้าใจว่าลิงก์ไหนดีไม่ดี มาดูทำความเข้าใจประเภทของลิงก์กันก่อนครับ

ประเภทของ Links

Backlink จะแบ่งออกได้ 2 ประเภทหลัก ๆ คือ

  1. Nofollow 
  2. Dofollow

1. ลิงก์แบบ Nofollow

นี่คือลิงก์ที่เว็บเราจะไม่ได้รับค่าพลังจากเว็บภายนอกที่ส่งมาเท่าที่ควร (คือมันก็ได้บ้างแต่ได้ไม่เต็มที่) ตัวอย่างแท็ก HTML ของลิงก์ประเภทนี้จะเป็นรูปแบบนี้

<a href="https://contentmastery.io/blog/backlink-seo" rel="nofollow">Backlink คืออะไร</a>

สมมิตว่านี่คือลิงก์ที่เว็บ Content Mastery ได้รับจากเว็บ xyz.com แต่เมื่อสังเกตใน HTML แท็กจะเห็นว่า มันมีแอตทริบิวต์ ref="nofollow" ซึ่งบ่งบอกชัดเจนว่าเป็นลิงก์แบบ nofollow เราจะไม่ได้รับ Link Juice (พูดง่าย ๆ คือไม่ได้รับค่าพลังของลิงก์มากเท่าที่ควรจะได้) 

ซึ่งส่วนใหญ่เว็บที่ส่งออกลิงก์ประเภทนี้ จะเป็นเว็บใหญ่ ๆ ระดับโลก จำพวกเว็บโซเชียลมีเดียหรือฟอรัมต่าง ๆ เช่น Facebook, YouTube, Twitter, Reddit, Medium, etc หรือของไทยก็ เช่น Pantip เป็นต้น

สาเหตุที่เว็บเหล่านี่ส่งลิงก์ขาออกเป็นแบบ nofollow ก็เพราะว่าจะช่วยในการป้องกันการทำสแปม backlinks ลองจินตนาการดูครับว่าเว็บที่กล่าวมาล้วนมีค่าพลัง DA (Domain Authoriay) สูง ๆ ทั้งนั้น ถ้าทุกคนไปสร้างลิงก์แล้วทำ backlinks กลับมาที่เว็บของตัวเอง แล้วจะเกิดอะไรขึ้น? ก็จะกลายเป็นเว็บสำหรับฟาร์มลิงก์ไปโดยปริยาย ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อเว็บเหล่าใหญ่ ๆ เหล่านี้แน่นอน

แนะนำบทความ: Nofollow Link คืออะไร 

2. ลิงก์แบบ Dofollow

Dofollow คือ ลิงก์ที่ตรงกันข้ามกับ Nofollow ซึ่งลิงก์ประเภทนี้แหละที่คนทำ SEO นิยมใช้ทำ backlinks กัน ซึ่งการเช็คว่าลิงก์เป็นแบบ dofollow หรือไม่ ก็สังเกตได้ง่ายมาก ๆ เลย โดยลิงก์ประเภทนี้จะไม่มีแอตทริบิวต์ rel="nofollow" 

<a href="https://contentmastery.io/blog/backlink-seo">Backlink คืออะไร</a>


แล้ว Backlink จำเป็นสำหรับ SEO มากแค่ไหน ?

ถึงตรงนี้เชื่อว่าผู้อ่านน่าจะเข้าใจภาพรวมของ backlink พอสมควร แต่คำถามคือ backlinks จำเป็นต่อการทำ SEO มากน้อยแค่ไหนกัน ? หลังจากเราได้ทราบเบื้องต้นไปแล้วว่ามันเปรียบเสมือนคะแนนโหวตที่เว็บอื่นส่งมาที่เว็บเรา ยิ่งคะแนนโหวตเยอะ เว็บเราก็จะยิ่งดูดีในสายตา Google ? แสดงว่ามันต้องสำคัญมากใช่ไหมครับ ?

เรามาพิสูจน์กันครับ ผมจะเริ่มต้นด้วยการยก citations จากแหล่งอ้างอิงจากหลาย ๆ แหล่งที่เป็นตัวชี้วัดว่า ทำไม Backlink ถึงมีความสำคัญต่อ SEO

ตัวชี้วัดที่ 1 - เว็บใหญ่ ๆ ล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกัน

มีเว็บที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO, Search Marketing ต่าง ๆ ระดับโลก ล้วนแล้วแต่บอกว่า Backlink คือหนึ่งในปัจจัยในการที่ Google จะนำมาจัดอันดับ (Google's Ranking Factors) 

  • เว็บ MonsterInsights ได้จัดลำดับให้ Backlinks เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดสำหรับการจัดอันดับหน้าเว็บของ Google เป็นอันดับ 2 รองจากอันดับ 1 คือการสร้างคอนเทนต์คุณภาพสูง (High-quality Content) ในบทความ Google Ranking Factors for 2023 (The 10 Most Important)
  • Ahrefs หนึ่งในกูรูตัวจริงด้าน SEO ก็ได้เขียนไว้ในบทความของพวกเขาอย่างชัดเจน โดยให้อยู่ในลำดับแรก


ผู้นำในวงการ SEO และผู้ให้บริการ SEO Tools แนวหน้าของโลกอย่าง Ahrefs ก็ยังบอกในบทความของพวกเขา




บทความจาก MailChimp ผู้ให้บริการ Email Marketing & Services ระดับโลก


ตัวชี้วัดที่ 2 - มีเว็บผู้ให้บริการสำหรับสร้าง Backlinks โดยเฉพาะ

จากภาพด้านล่าง เป็นเว็บตัวกลางสำหรับซื้อขาย แลกเปลี่ยนลิงก์ระดับโลกอย่าง backlink.com ซึ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวกับ Backlink โดยตรง จากตารางโปรโมชันด้านล่างจะเห็นว่าเว็บนี้ยังมีเว็บพาร์ทเนอร์ระดับโลกต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Forbes, Business Insider, Mashable, etc ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการทำลิงก์ย้อนกลับ นั้นสำคัญแค่ไหน แถมค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ในการทำลิงก์แต่ละลิงก์นั้นเพื่อน ๆ คิดว่าหลักร้อยหลักพันไหมครับ ?...

คือหลักหมื่นหลักแสนบาทเลยนะครับ ราคาโหดไม่เบาเลยใช่ไหม ใครจะคิดว่า กว่าจะได้มาแต่ละลิงก์ ยิ่งเว็บที่มีชื่อเสียงระดับโลกราคาก็ยิ่งพุ่งเป็นเงาตามตัว และแน่นอนว่าเว็บเหล่านี้ในภาพที่เราเห็นไม่ใช่สแปมลิงก์นะครับ แต่มันคือลิงก์ที่มีคุณภาพและแพงโคตร ๆ ด้วยครับ โดยอาจจะด้วยการทำ Sponsored หรือ Guest Post เป็นต้น


เว็บสำหรับแลกเปลี่ยนลิงก์อย่าง backlink.com

ซึ่งทางสโลแกนของเว็บ backlink.com พวกเขายังได้กล่าวไว้ว่า

"Fortune 500 companies and Silicon Valley startups trust Backlink.com to build authority backlinks on real editorials, with real traffic, with real results"


ขนาดบริษัทระดับใหญ่สุดของอเมริกา 500 บริษัทแรก (หรือ Fortune 500) ยังเลือกใช้บริการเครือข่าย backlinks ของพวกเขา !!

Backlink ที่ดีเป็นยังไง ?

การที่มีคนลิงก์มาเยอะ ๆ นั้น ไม่ได้มีแค่ลิงก์ดี ๆ เสมอไปเพราะส่วนใหญ่ที่เจอนั้นมักจะเป็นการสแปมลิงก์ ดังนั้นลิงก์ที่ได้ต้องเป็นลิงก์ที่ดีมีคุณภาพด้วยครับ

นี่คือวิธีการเช็คว่าลิงก์ที่ส่งมาให้เว็บเราจากภายนอกเป็นลิงก์ที่ดีหรือมีคุณภาพนั่นเอง


1. มีความน่าเชื่อถือ

เว็บที่ลิงก์มาที่เว็บเราต้องมีความน่าเชื่อถือ ไม่ใช่เว็บสแปมลิงก์ ยิ่งเป็นเว็บใหญ่ ๆ น่าเชื่อถือสูง ค่าพลังของลิงก์ยิ่งแรงตามไปด้วย


2. มีความเกี่ยวข้องกับเว็บของเรา

ควรเป็นเว็บที่มีความเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์หรือธุรกิจของเรา เช่น ถ้าเว็บเราเกี่ยวข้องกับธุรกิจกาแฟหรือขายกาแฟ เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องก็ควรจะเป็นเว็บที่เกี่ยวกับกาแฟหรือบล็อกเกอร์ที่เชี่ยวชาญหรือทำเรื่องเกี่ยวกับคาเฟ่หรือกาแฟโดยตรง อะไรประมาณนี้ ไม่ใช่เว็บ เช่น เว็บขายประกัน ขายรถยนต์ เว็บคลินิครักษาสัตว์ ฯลฯ 


3. เป็นลิงก์แบบ Dofollow

ลิงก์ขาออกจากเว็บนั้น (Outbound Link) ต้องเป็นแบบ Dofollow ไม่ใช่ Nofollow (ตามที่ได้อธิบายไปในเนื้อหาส่วนแรก ๆ )

Note: Nofollow ถึงจะได้พลัง Backlink ไม่มาก แต่ถ้ามันมาจากเว็บใหญ่ ๆ ความน่าเชื่อถือสูง มันก็สามารถนำ traffic มาให้เราได้เช่นกัน พร้อมทั้งสร้าง Brand Awareness ให้เราได้อีกด้วย แถมมันยังเป็น Citations จากเว็บใหญ่ ๆ ทำให้เว็บเราได้ความน่าเชื่อถือขึ้นตามไปด้วย


4. Anchor แท็กสื่อความหมาย

ลิงก์ข้อความที่เว็บต้นทางได้แทรกลิงก์เข้าไปตรง Anchor tag ควรสัมพันธ์กันกับหัวข้อหรือเนื้อหาหรือบริบทของเว็บเรา สมมติ เช่น มีคนอ่านแล้วชื่นชอบบทความนี้ แล้วต้องการลิงก์มาหาเพื่ออ้างอิง โดยได้แทรกลิงก์พร้อมข้อความ "คลิกที่นี่" แบบนี้จะไม่ได้พลังลิงก์เต็มเม็ดเต็มหน่วยเท่ากันคำว่า "Backlink คืออะไร


วิธีการสร้าง backlinks (Link Building)

ท้ายสุด สุดท้าย เมื่อเราเข้าใจในเกือบทุกมิติแล้ว ก็ถึงเวลาที่เราจะมาสร้างลิงก์กันแล้วครับ แต่การที่เราจะได้รับ backlinks จากเว็บอื่นนั้น หรือให้คนอื่นนั้นลิงก์มายังเว็บของเรา ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยครับ มันคือความถ้าทายมาก ๆ ของการทำ SEO เลยก็ว่าได้

แล้วมีวิธีการหรือกลยุทธ์ไหนบ้างที่จะได้รับลิงก์ดี ๆ มีคุณภาพมาที่เว็บของเรา เพื่อช่วยให้เว็บเรา มีอันดับหรือมีเครดิตที่ดีเพิ่มมากขึ้นในสายตา Google ?

ก็มีมากมายหลากหลายวิธีครับที่เราสามารถทำได้ แต่นี่คือวิธีการที่ผมได้คัดมาแล้วครับ 3 วิธีเนื้อ ๆ เน้น ๆ สำหรับกลยุทธ์ Link Building เพื่อให้เพื่อน ๆ ลองเอาไปปรับใช้กันได้เลยครับตามความเหมาะสมของแต่ละคน


1. สร้าง 10x Content

การสร้างคอนเทนต์ธรรมดา คนทั่วไปหรือเว็บคู่แข่งก็ทำได้อะไรแบบนี้ คงไม่ดึงดูดเว็บอื่นเป็นแน่ ดังนั้นวิธีการที่ดีที่สุดที่คุณจะสามารถดึงดูดให้เขาเหล่านั้นลิงก์มาหา การสร้าง 10x Content ซึ่ง 10x Content ถ้าแปลตรงตัวก็คือคอนเทนต์ที่ดีกว่าที่มีอยู่แบบเดิม 10 เท่า !!

แต่ในความเป็นจริงคงยากที่จะทำได้ตามนี้เป๊ะ ๆ ครับ เอาเป็นว่าทำคอนเทนต์ให้ดีกว่าบทความคู่แข่งที่ติดหน้าแรก Google (ยิ่งอันดับคู่แข่งอยู่ในลำดับต้น ๆ เช่น Top 1 - 3 ก็จะต้องทำคอนเทนต์ให้ดีมากกว่ายิ่งขี้น)

เอาจริงแล้วมันก็ไม่ง่ายครับกับการที่จะสร้างคอนเทนต์ระดับนั้น เพราะมันต้องใช้เวลาในการ research หรือค้นคว้าหาข้อมูลเพื่อมาเขียนคอนเทนต์ระดับนั้นพอสมควร ต้องลงแรง ลงเวลาไปเยอะพอสมควร แต่เชื่อได้เลยครับว่า มันคุ้มค่ากับเวลาที่เสียไปอย่างแน่นอน

ดังนั้นสิ่งที่ผมแนะนำก่อนที่จะทำ 10x Content นี้ เพื่อน ๆ ต้องหยุดทำคอนเทนต์อื่นที่ไม่ตอบโจทย์และเสียเวลาเปล่าประโยชน์ โฟกัสพุ่งเป้าหมายมาที่คอนเทนต์นี้ที่เราอยากให้เป็นแหล่งอ้างอิงของเว็บอื่น ๆ ได้แบบเน้น ๆ ก่อน 

2. ทำ Guest Blog Post

ถ้าการทำคอนเทนต์แบบ 10x content ใช้เวลาเยอะเกินไป นี่คือวิธีการถัดไปที่เพื่อน ๆ จะสามารถทำได้รวดเร็วที่สุดเพื่อที่จะได้ backlink ดี ๆ นั่นก็คือการทำ "Guest Post" วิธีการนี้ใช้เวลาน้อยที่สุด แต่จะทำอย่างไร ? 

แน่นอนครับว่าเราก็ต้องมีการติดต่อไปที่เจ้าของเว็บไซต์หรือบล็อกนั้น ๆ ที่เขาเปิดให้คนภายนอกเข้าไปเป็น contributor เพื่อเขียนบทความให้เว็บเหล่านั้น และอย่าลืมว่าเว็บนั้นต้องมีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจของเราด้วยนะ และให้ดูความน่าเชื่อถือของเว็บด้วย ไม่ใช่เว็บสำหรับฟาร์มลิงก์อะไรแบบนี้

3. สร้างคอนเนคชันกับ Journalists

Journalists ในที่นี้คือนักเขียน นักข่าว หรือคอลัมนิสต์ในเว็บไซต์ต่าง ๆ ซึ่งเว็บเหล่านั้นมีค่าพลังหรือ DR (Domain Rating) สูง ซึ่งจริง ๆ วิธีนี้ก็คล้ายวิธีที่ 2 ที่ผ่านมา ลองนึกดูว่าถ้าคุณได้แบ็คลิงก์จากเว็บเหล่านี้มันจะสุดยอดแค่ไหน

การสร้างคอนเนคชั่นกับ Journalists ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่น่าสนใจมาก ๆ ที่จะให้พวกเขาเขียนบทความ และทำการลิงก์เพื่ออ้างอิงมาที่เว็บไซต์ของเรา

แต่วิธีนี้ในปัจจุบัน หลาย ๆ เลือกทำ sponsored post หรือ guest post สำหรับสำนักข่าวต่าง ๆ ซึ่งราคาก็เอาเรื่องอยู่พอสมควร (แต่มันนำมาซึ่งความน่าเชื่อถือและอันดับพุ่งพรวดในคีย์นั้น) และยังมีอีกหลายหลายวิธีที่น่าสนใจ เดี๋ยวจะมาอัปเดตเพิ่มเติมให้ครับ

สรุป

และนี่คือ 3 วิธีการที่ดีที่สุดในการหา backlinks ดี ๆ นะครับ ส่วนตัวไม่แนะนำให้ไปซื้อ backlinks เถื่อนต่าง ๆ ที่มีคนประกาศขายในเว็บ เพราะว่าในระยะสั้นเว็บของเราอาจจะอันดับดีขึ้นจริง แต่ระยะยาวความเสี่ยงค่อนข้างสูง ถ้า Google ตรวจพบว่าเราทำการ spam ลิงก์ อาจทำให้เว็บของเราอันดับตก ค่าพลัง ความเชื่อถือในสายตา Google ลดลง สุดท้ายมันจะเป็นงานยาก ถ้าเราจะทำให้อันดับหรือฟื้นฟูเว็บเรากลับมาให้ดีอีกครั้งในสายตา Google  

ดังนั้นควรทำ backlink อย่างเป็นธรรมชาติและไม่ผิดกฏของ Google และควรโฟกัสลิงก์ที่มีคุณภาพและมีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจหรือเว็บเราแทนการเน้นปริมาณ 

Son Content Mastery
Son Content Mastery

ที่ปรึกษาด้าน Web & SEO สำหรับองค์กรและเจ้าของธุรกิจ ชอบการเขียนและแชร์ความรู้ มีความเชื่อว่าความรู้คือสินทรัพย์ที่มีมูลค่ามากที่สุด ให้อะไรก็คงไม่เท่าให้ความรู้ หลงไหลในการเดินทางท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ เป็นพ่อของแงว ๆ อยู่หลายตัว เสพติดกาแฟเข้าเส้น เมนูประจำคืออเมริกาโน่


อัพสกิล SEO ด่วน?

ลดระยะเวลาลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง เรียน SEO พร้อมหลักการทำงานของเว็บ เข้าใจเบื้องลึกเบื้องหลังการทำงานของเว็บ พร้อมทั้งสามารถเข้าใจส่วนยาก ๆ อื่น ๆ เช่น Technical SEO ได้แบบไม่มีปัญหา คลาสออนไลน์แบบ private กับ Son contentmastery.io (หรืออบรมในองค์กรแบบ in-house ทางผมก็รับครับ) สามารถติดต่อ พูดคุย สอบถามหรือปรึกษากันก่อนได้ครับ