เบื่อไหมครับกับงานซ้ำซากจำเจที่ต้องทำทุกวัน? ทั้งคัดลอกข้อมูลจาก Gmail ไปใส่ Google Sheets การส่งรายงานประจำวัน หรือการอัพเดทข้อมูลลูกค้า? Make.com (เดิมชื่อ Integromat) อาจเป็นคำตอบที่คุณกำลังมองหา มาดูกันครับว่าทำไมเครื่องมือ automation ตัวนี้ถึงได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในหมู่คนทำงานสายดิจิทัลและไอที
Make.com คืออะไร? ทำไมถึงน่าสนใจ?
Make.com เป็นแพลตฟอร์ม automation ที่ช่วยให้เราเชื่อมต่อแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ เข้าด้วยกันโดยไม่ต้องเขียนโค้ด ด้วยการออกแบบที่เป็น visual workflow ทำให้ง่ายต่อการสร้างและจัดการ automation
จุดเด่นของ Make.com
1. ใช้งานง่าย
- Interface แบบ drag and drop
- Visual workflow ที่เข้าใจง่าย
- Templates มากมายให้เลือกใช้
2. รองรับแอพยอดนิยม
- Google Workspace
- Social Media platforms
- CRM systems
- Marketing tools
3. ประสิทธิภาพสูง
- ทำงานได้เร็ว
- รองรับข้อมูลจำนวนมาก
- ประหยัดทรัพยากร
ตัวอย่างการใช้งาน: Gmail to Google Sheets Automation
ขั้นตอนที่ 1: เตรียมพร้อม
1. สมัครบัญชี Make.com
เลือก sign in ได้ตามสะดวก
จากนั้นก็ทำตามสเต็ปไปเรื่อย ๆ
ส่วนนี้ก็คือ Make ต้องการเก็บข้อมูลเพื่อที่จะ personalized การใช้งานของเรา
สำเร็จแล้ว ลองไปที่หน้าแดชบอร์ด จะเห็นว่าได้ฟรี 1,000 operations
จากนั้นไปที่ Templates ซึ่งมีคนสร้างไว้ให้แล้วมากมาย ก็ลองเลือกตัวที่ต้องการได้เลยครับ (หรือจะสร้าง workflow จาก 0 เองก็ได้) โดยใน tutorial นี้จะใช้ตัว Gmail + Google Sheets ในชื่อ "Save a Gmail..."
จะได้ template ที่พร้อมสำหรับการสร้าง workflow ให้ Gmail กับ Google Sheets คุยกันได้แล้วครับ
จากนั้นทำการอนุญาตให้ Make เข้าถึง Gmail เราเพื่อสร้างการเชื่อมต่อ เลือก "Create a connection" และทำตามขั้นตอนการยืนยันบัญชี Google
- หลังจากสร้างการเชื่อมต่อสำเร็จ ให้ตั้งค่าตัวกรองอีเมล (Filter Type) ตามความต้องการ เช่น ใช้
"Gmail filter"
เพื่อค้นหาเฉพาะอีเมลที่เกี่ยวข้องกับคำค้น (Query) เช่น"new order"
(ค่า default) หรือคำอื่น ๆ ที่ต้องการ - หากต้องการให้ Make ติดตามอีเมลทั้งหมดใน Inbox สามารถปล่อยช่อง Query ว่างไว้ได้เลยครับ (ซึ่งในเคสนี้ก็ปล่อยว่าง) หรือจะใส่ wildcard "*"
ถ้าหากใช้ Personal Gmail เราจะต้องไป custom ตัว OAuth client ก่อนครับ
Fields ที่ต้องกรอก
- Connection name: ชื่อการเชื่อมต่อ (สามารถตั้งชื่อได้ตามต้องการ)
- Client ID และ Client Secret: เป็นข้อมูลที่ต้องสร้างขึ้นจาก Google Cloud Console เพื่อใช้ยืนยันตัวตนของแอปพลิเคชัน
วิธีแก้ไขปัญหา
- หากใช้งานบัญชี Gmail ส่วนตัว ให้ทำตามคำแนะนำในลิงก์ Connecting to Google Services using custom OAuth client ID เพื่อสร้าง Client ID และ Client Secret บน Google Cloud Console
- หรือจริง ๆ ถ้าเป็นไปได้ ควรใช้งานบัญชี Google Workspace ซึ่งไม่มีข้อจำกัดนี้
จากนั้นเมื่อเชื่อมต่อเสร็จแล้ว ให้ทำการกำหนดค่าตามนี้ จากนั้นกด OK ได้เลย
2. เสร็จขั้นตอนของ Gmail แล้ว จากนั้นเตรียม Google Sheets สำหรับเก็บข้อมูล โดยสร้างชีตเปล่า ๆ ขึ้นมา และกำหนดคอลัมน์ขึ้นมา 3 คอลัมน์ คือ "name, email และ title"
จากนั้นกำหนดค่าในส่วนของโมดูล Google Sheets โดยในส่วนของ Spreedsheet ID เราจะนำ ID จากชีตที่เราสร้างไว้ก่อนหน้า เพื่อให้ Make รู้ว่าเป็นชีตไหน ก็จะแยกด้วย ID นี่แหละครับ
เช่น URL เต็มของชีต
https://docs.google.com/spreadsheets/d/1dO-iMJQVnJpdx5EYtE3kua8a1m3plrPnShM9b5FXxHA
/edit?gid=0#gid=0
จะได้ ID คือ
1dO-iMJQVnJpdx5EYtE3kua8a1m3plrPnShM9b5FXxHA
เสร็จแล้วเลือกฟีลด์ในอีเมลที่เราต้องการ save ลงในชีต (ซึ่ง Make จะมีให้เลือก)
จากนั้นเลือก "Run once" (รันครั้งเดียว) หรือจะรันแบบ Scheduled run (รันแบบตั้งเวลา) ได้ตามต้องการ เป็นอันเสร็จสิ้น
เสร็จแล้วรีเฟรช Google Sheets ดู จะเห็นว่ามีข้อมูลในเมลที่ส่งมาล่าสุดถูกบันทึกเข้าไปในคอลัมน์ของชีตเรียบร้อย
ซึ่งต่อไปเราก็เอาข้อมูลนี้ไปเชื่อมโมดูลอื่นต่อ เช่น เอาไปเชื่อมต่อเพื่อทำการแจ้งเตือน เช่น ผ่าน LINE Notify, Telegram, Slack, Discord ฯลฯ ต่อไป ซึ่ง Make ก็มีรองรับแอพเหล่านี้ครบ!!
เช่น ตัวอย่างใน tutorial นี้ลองเอาไปเชื่อม LINE Notify (ทดสอบเฉย ๆ นะครับ เพราะสะดวกดี แต่เซอร์วิสนี้ของ LINE กำลังจะหยุดให้บริการแล้วนะครับ หาตัวเลือกอื่นที่กล่าวมาด้านบนได้เลย)
เปิดไลน์ดู จะเห็นแจ้งเตือนตามที่ตั้งค่าไว้ใน workflow
นี่เป็นเพียงตัวอย่างบางส่วนแบบง่าย ๆ เท่านั้นเองนะครับ ในการปรับเพื่อใช้งานจริง เราก็สามารถนำไปปรับใช้และสร้างเงื่อนไขในการ trigger และการทำงานได้ตาม use case จริงของแต่ละคนได้เลยครับ แต่ตอนนี้เรารู้แล้วว่า แอพแต่ละตัวสามารถคุย ติดต่อสื่อสารกันได้แล้ว ซึ่งผมหวังว่าเพื่อน ๆ จะได้ไอเดียครับ
Use Cases สำหรับนักการตลาดและ SEO
1. การติดตาม SEO Metrics
- ดึงข้อมูลจาก Google Search Console
- อัพเดท ranking อัตโนมัติ
- สร้างรายงานประจำวัน (Daily Report)
2. Social Media Management
- Schedule posts อัตโนมัติ
- ติดตาม brand/web mentions
- รวบรวม analytics
3. Lead Management
- บันทึกข้อมูลลูกค้าอัตโนมัติ
- แจ้งเตือนทีมขาย
- อัพเดทสถานะ
Pricing
ราคาและแผนการใช้งานของ Make
pricing ของ make.com โดยมี free plan ให้ทดลองใช้
ข้อดีและข้อควรพิจารณา
ข้อดี
- ประหยัดเวลาทำงาน
- ลดความผิดพลาดจากการทำงานแบบ manual
- เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
ข้อควรพิจารณา
- ต้องใช้เวลาเรียนรู้ระบบ
- แพ็คเกจฟรีมีข้อจำกัด (ให้จำนวน operations มาไม่มาก แต่ก็ถือว่าเป็นจุดเริ่นต้นเนอะ)
- บาง integration ต้องใช้แบบ paid plan
เทคนิคการใช้งาน Make.com ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
การใช้งาน Make.com ให้เกิดประโยชน์สูงสุดนั้น มีเทคนิคสำคัญที่เราควรทราบ โดยเริ่มจากการใช้ templates ที่มีมาให้อยู่แล้วมากมาย ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาและไม่ต้องเริ่มสร้าง automation จาก 0
เพื่อน ๆ สามารถศึกษาการทำงานของ templates เหล่านี้และ custom ให้เข้ากับความต้องการของเราได้ พร้อมทั้งหมั่นตรวจสอบ error logs และสำรองข้อมูลสำคัญไว้เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
นอกจากนี้ การ optimize การใช้งานก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน โดยเฉพาะการจัดการ operations ให้มีประสิทธิภาพเพื่อไม่ให้ใช้ operations หมดเร็วเกินไป รวมถึงการใช้ filters เพื่อกรองเฉพาะงานที่จำเป็น และการ monitor การทำงานอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้ automation ของเราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
Make vs N8N vs Zapier: เปรียบเทียบยักษ์ใหญ่ด้าน Automation
จริง ๆ แล้ว automation software ไม่ได้มีแค่ Make ครับ ยังมีอีก 2 คู่แข่งสำคัญอย่าง Zapier และ N8N เรามาดูเพิ่มเติมนิดว่า ตัวไหนเป็นอย่างไรบ้าง (แบบรวม ๆ)
ด้านการใช้งานและการติดตั้ง
Make.com
- Cloud-based ใช้งานผ่านเว็บได้ทันที
- Interface สวยงาม ใช้งานง่าย
- เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไปและองค์กร
- Open-source สามารถติดตั้งบน server ส่วนตัวได้ (self-host ได้ อันนี้คือแจ่มมากกกก)
- มี cloud version ให้เลือกใช้เช่นกัน
- เหมาะกับองค์กรที่ต้องการความปลอดภัยสูง มีทีม Technical หรือ IT ของตัวเอง
N8N คืออีกตัวที่เป็นทีเด็ดเลยครับ เพราะเราสามารถ custom โดยเขียน script ของภาษาโปรแกรมมิ่ง เช่น JavaScript หรือ Python เข้าไปได้ ทำให้มันค่อนข้างยืดหยุ่นและทำอะไรได้เยอะตามที่เราต้องการมาก ๆ สำหรับเพื่อน ๆ ที่เข้าเรียน Complete Web Marketing & Technical SEO กับผม จะสามารถเข้าใจและใช้ตัว N8N ได้อย่างราบรื่นแน่นอนครับ
- Cloud-based เจ้าแรกในตลาด
- Interface แบบ step-by-step
- เหมาะกับผู้เริ่มต้นและ SMEs
N8N คู่แข่งสำคัญของ Make
สรุป
Make.com เป็นเครื่องมือ automation ที่มีประสิทธิภาพสูงและใช้งานง่ายเลยครับ (และค่อนข้างมาแรงเลยในตอนนี้) เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการ automate งานที่เราต้องทำแบบซ้ำ ๆ ให้กลายเป็นการทำงานอัตโนมัติ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ทำให้ประหยัดเวลา เอาเวลาอันมีค่าของเราไปทำอย่างอื่นเพิ่มเติม
ถ้าเพื่อน ๆ ต้องการเข้าใจและใช้ Make ได้แบบมั่นใจมากขึ้น การเข้าใจการทำงานของ Web Technology รวมถึง API ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จำเป็น ในคลาส 📒 Complete Web Marketing & Technical SEO ... ที่เรากำลังเปิดรับตอนนี้ จะทำให้เราต่อยอดไปใช้เครื่องมือต่าง ๆ ที่ต้องการความรู้ด้าน Web & Technical ได้อย่างไหลลื่นมากยิ่งขึ้นครับ