การเลือกทำคีย์เวิร์ดที่มี search volume สูง (ปกติมักจะเป็นคีย์สั้น ๆ คำเดียว หรือ root keyword) และเป็น Informational Intent ถึงแม้คีย์แบบนี้จะไม่ใช่คีย์ที่ทำให้เกิด conversion หรือการสร้างรายได้โดยตรง แต่ยังมีความสำคัญอยู่ในหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็น
- สร้างการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) เพราะจะทำให้ผู้ค้นหาเริ่มรู้จักเว็บไซต์หรือธุรกิจของเราได้เป็นอย่างดี คนเสิร์ช Google แล้วเจอเว็บเราบนหน้าเสิร์ชบ่อย ๆ จนเริ่มคุ้นกับเว็บหรือแบรนด์ของเรา
- เพิ่มโอกาสได้ Backlinks เพราะการที่คีย์ search volume สูง แถมอยู่ในหน้าแรก ก็ย่อมจะเพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์ของเราได้รับ backlinks จากเว็บอื่นด้วย (ปกติที่พบมักจะเป็นเว็บองค์กร หน่วยงานรัฐหรือเว็บบริษัทที่ต้องการเว็บอ้างอิงหรือ citation ให้กับบทความของตนเอง) เพราะเป็นคีย์ที่ mass คนเห็นเยอะ นั่นเองครับ
- ส่งพลัง traffic หรือ link equity ไปหน้า Money Pages (ซึ่งจะขออธิบายเพิ่มเติมด้านล่าง)
Track คีย์เวิร์ดด้วย Position Tracking ของ Semrush
ถ้าคีย์สำหรับ Search Intent ที่เป็น informational intent เยอะไป ก็จะขาดคีย์ที่ทำเงิน หรือได้แค่ traffic แต่ไม่เกิด conversion แบบนี้ก็แทบจะไม่ได้เกิดประโยชน์อะไร
Informational Keyword สำคัญไฉน?
ในส่วนของการทำ Keyword Research การดันหน้าเว็บเพจที่เน้นการให้ข้อมูล (informational pages/blog posts) ถือเป็นกลยุทธ์ปกติทั่วไปในการสร้าง traffic ให้กับเว็บไซต์
ตัวอย่าง Informational Keyword จะเห็นว่ามีปริมาณการเสิร์ชสูง และการแข่งขันก็ไม่ง่าย
Informational Keyword
แม้คีย์ตัวอย่างนี้ที่เป็น informational keyword จะไม่ได้นำมาซึ่งการเพิ่มยอดขายโดยตรง มันช่วยสร้าง traffic เข้าเว็บ สุดท้ายเราก็จะใช้คีย์เหล่านี้แหละมาทำบทความ และส่ง Internal Link ไปยังหน้าคีย์ทำเงิน (Money Page) ซึ่งปกติมักจะใช้คีย์เวิร์ดที่เป็น long-tail ที่มี volume ต่ำกว่าพอสมควร และเป็นจำพวก Commercial & Transactional Intents
และความท้าทายอีกอย่างคือ ยิ่ง Search Volume สูง การแข่งขันของคีย์ก็จะสูงตามไปด้วย ซึ่งอันนี้ก็เป็นจุดที่ต้องพิจารณาครับ ถ้ายากเกินไปก็ไม่ควรทำ ถ้ารีซอร์สไม่มากพอ เดี๋ยวเสียเวลาเปล่า แต่ผมเชื่อว่ามันจะมีอยู่หลายคีย์ของแต่ละ industry ที่มีปริมาณการค้นหาสูง แต่การแข่งขันต่ำ ซึ่งเราต้องหาคีย์นั้นให้เจอครับ
Supporting Page to Money Page
หน้า blog ถือเป็นหน้า Supporting Page เพื่อกระจายพลังลิงก์และ traffic ไปที่ Money Page (ซึ่งเป็นหน้าเว็บที่สำคัญมากที่สุดบนเว็บไซต์เรา เพราะมันทำเงินให้เรานั่นเองครับ) ทำให้หน้าคีย์ทำเงินเหล่านั้น rank
ได้ดีขึ้น เพราะถ้าเราทำหน้าเดี่ยว ๆ อาจจะไม่ได้ rank ได้ดี โดยเฉพาะถ้าการแข่งขันของคีย์ทำเงินนั้นเริ่มสูง เพราะไม่ได้มีหน้าอื่น ๆ ที่เชื่อมโยงหรือเกี่ยวข้องกันไว้ซัพพอร์ตหรือมาดัน
หน้า Money Page ของ Content Mastery
ตัวอย่างหน้า Money Pages ของ Content Mastery ในกรณีนี้จะเป็นหน้า Services คือหน้าคอร์สเรียนและหน้า SEO Consultant Service และหน้า คอร์สเรียน SEO
แต่หน้า Supporting Page ก็ไม่จำเป็นต้องมี search volume สูงเสมอไปนะครับ ไม่เกี่ยว จะปริมาณเสิร์ชเท่าไหร่ก็ได้ ขอแค่เราสามารถลิงก์เชื่อมโยงไปหน้าที่ทำเงินของเราได้
จากตัวอย่าง site structure ด้านบน
- Blog (หน้า Supporting Pages) โดยบทความใน Blog (เช่น post 1, post 2, และ post 3) ถือเป็นหน้าซัพพอร์ตหน้าทำเงิน โดยจะเน้นเนื้อหาข้อมูลที่ดึงดูดผู้อ่าน โดยใช้คีย์เวิร์ดเชิงข้อมูล (Informational Keyword) จึงช่วยเพิ่ม traffic เข้าเว็บ และจะทำ Internal Link ไปหน้า Money Page
- Category/Product Pages (หน้า Money Page) โดย หน้าใน Category 1, Cate.. 2, ฯลฯ เป็นหน้า Money Page (จำพวกหน้า products ที่เราขายสินค้าหรือบริการ) โดยจะเน้นให้เกิดการซื้อหรือ convert คนเข้าเว็บไปเป็นลูกค้า ซึ่งหน้าเหล่านี้ควรจะได้รับพลังลิงก์ (Link Equity) โดยทำ internal link จาก Blog ดังที่ได้กล่าวมา
แต่การทำ Internal Link ก็ควรลิงก์ไปเฉพาะหน้าที่เกี่ยวข้องหรือเชี่อมโยงกันนะครับ ไม่ใช่ว่าใน blog post เขียนไว้ topic หนึ่ง แต่ดันไปลิงก์ไปหน้า product ที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลย อันนี้ไม่ควร เพราะ UX ไม่ดีแน่ ๆ และไม่เชื่อมโยงกัน
ดังนั้นสิ่งสำคัญก็คือการ balance ระหว่างหน้า Blog (Informational Pages) และหน้า Products/Services (Money Pages) ให้สมดุลกัน เป็นกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้การทำ SEO มีประสิทธิภาพครบทุกมิติ ทั้งการสร้าง Traffic, Brand Awareness และทำให้หน้า Products/Services ของเราไปติดหน้าแรก ๆ อันจะนำมาซึ่งการเพิ่ม Conversion หรือเปลี่ยนคนเข้าเว็บ ไปเป็นลูกค้าได้เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมนั่นเองครับ