SEO vs SEM Marketing แบบไหนเหมาะกับธุรกิจของเราที่สุด?


Son contentmastery.io
Updated: Sept. 19, 2024


บทความนี้ผมจะพาเพื่อน ๆ ไปทำความเข้าใจภาพรวมเกี่ยวกับ SEO และ SEM  พร้อมเผยเคล็ดลับการเลือกกลยุทธ์ที่ใช่สำหรับธุรกิจของเรา ไม่ว่าเพื่อน ๆ จะเป็นเจ้าของธุรกิจมือใหม่ นักทำ SEO ที่เพิ่งเริ่มต้น หรือนักการตลาดมืออาชีพก็ตาม (มี tip เด็ด ๆ ให้ในท้ายโพสต์ด้วยครับ)



SEO vs SEM ภาพรวม

SEO (Search Engine Optimization) และ SEM เป็นสองกลยุทธ์สำคัญในการตลาดบนกูเกิล ซึ่งทั้งคู่มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มการมองเห็นของเว็บไซต์ในหน้าผลการค้นหาของ Google จนนำไปสู่การคลิกเข้าไปชมสินค้าหรือบริการ

แต่อย่างไรก็ตามทั้งสองแบบที่ว่ามานั้น มีวิธีการและข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน

  • โดย SEO จะเน้นการ optimize เว็บไซต์เพื่อให้ติดอันดับในผลการค้นหาของ Google แบบ organic traffic
  • SEM จะเป็นการใช้เงินโฆษณา (พูดแบบบ้าน ๆ ก็คือยิงแอดบน Google) เพื่อให้แสดงผลในหน้า Google Search

ตำแหน่งบนหน้า SERP ของ Ads vs SEO


พื้นฐานของ Search Engine Marketing

ทั้ง SEO และ SEM คือส่วนหนึ่งของ Search Engine Marketing โดย SEO เป็นการปรับเว็บให้เป็นมิตรกับเสิร์ชเอนจิน เช่น Google โดยใช้เทคนิคต่าง ๆ เช่น

  • การวางแผนใช้คีย์เวิร์ดที่เหมาะสม (ทำ Keyword Research)
  • การสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ (Quality Content) และการปรับ On-Page SEO
  • การปรับปรุงโครงสร้างเว็บไซต์ (Site Structure) และทำ Site Audit หรือ Technical SEO
  • การทำ Off-Page SEO เพื่อสร้าง backlinks เพื่อเพิ่ม authority (ค่าพลัง) ให้กับเว็บ

ส่วน SEM เป็นการใช้โฆษณาแบบจ่ายเงิน เช่น Google Ads เพื่อให้เว็บไซต์แสดงผลในตำแหน่งโฆษณาบนหน้า Google Search

อ่านบทความ SEO ฉบับเต็ม: SEO ศาสตร์ในการปรับเว็บ เพื่อติดหน้าแรก Google แบบ organic traffic


ความแตกต่างระหว่าง SEM และ SEO

  • 1. ค่าใช้จ่าย: SEO มักมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าในระยะยาว แต่ใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล ส่วน SEM ให้ผลเร็วแต่มีค่าใช้จ่ายสูงกว่า
  • 2. ระยะเวลา: SEO ใช้เวลานานกว่าในการสร้างผลลัพธ์ แต่ผลลัพธ์มักยั่งยืนกว่า SEM ให้ผลทันทีแต่จะหยุดทันทีที่หยุดจ่ายเงิน
  • 3. SEM นั้นควบคุมได้: SEM ทำให้เราสามารถควบคุมหรือเลือกได้เลยครับว่าจะกำหนดกลุ่มเป้าหมายและตำแหน่งที่ปรากฏของโฆษณาเราใน Google ได้อย่างไร หรือแสดงใน location ไหนบ้าง ส่วน SEO มีความไม่แน่นอนมากกว่า (ซึ่งโดยปกติจะแสดงบนหน้า Google Search เท่านั้น)

ใน Google Ads เราสามารถเลือกได้ว่าจะให้โฆษณาของเราแสดงผลใน location ไหนได้บ้าง ได้ตามต้องการ


เกณฑ์
SEO
SEM
วัตถุประสงค์
เพิ่ม Organic Traffic
สร้าง Paid Traffic ขึ้นมาแต่ละแคมเปญ
ต้นทุน
ต่ำ (แต่ต้องลงแรงและเวลาปรับปรุงเว็บ)
สูง (เพราะต้องมีการประมูล CPC)
ตำแหน่ง
อยู่ใต้ Ad
อยู่ตำแหน่งบนสุด (มีคำว่า Ad กำกับ)
ความรวดเร็วของผลลัพธ์
ช้า เพราะต้องอาศัยเวลา
เร็ว ยิงแอดแล้วเริ่มเห็นผลทันที
ความยั่งยืน
สูง เพราะติดอันดับไปตลอด
ต่ำ หยุดยิงแอด คือก็ไม่มีใครเห็นคอนเทนต์แล้ว
การวัดผล
หลัก ๆ วัดจาก Organic Traffic และ Conversion (รวมไปถึงอันดับของคีย์นั้น ๆ)
วัดจาก CPC, CPM, CTR, ตามงบที่ลง


ในส่วนของยิงแอดจะต้องจ่ายเงินถึงจะเปิดการมองเห็นได้ ส่วน SEO ก็ปล่อยไปชิว ๆ เลยครับ ไม่ต้องยิงแอด ทำครั้งเดียว (แต่ก็ปรับสม่ำเสมอแหละ) กินยาว ๆ

กราฟเปรียบเทียบระหว่าง SEO (สีส้ม) และ SEM (สีฟ้า)


เทียบกลยุทธ์

ทั้ง SEO และ SEM มีความสำคัญสำหรับกลยุทธ์ของ Digital Marketing โดย SEO ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและเพิ่มทราฟฟิกในระยะยาว ในขณะที่ SEM ช่วยในการสร้าง brand awareness (การรับรู้ของแบรนด์) อย่างรวดเร็วและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเฉพาะได้ดี (เพราะเลือกกลุ่มเป้าหมายได้โดยตรง)

ดังนั้น

  • SEO เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการสร้างความน่าเชื่อถือระยะยาวและมีงบประมาณจำกัด โดยเน้นการสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพและการปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้ (User Experience)
  • SEM เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการผลลัพธ์เร็วและมีงบประมาณสำหรับโฆษณา โดยเน้นการทำโฆษณาที่ตรงกลุ่มเป้าหมายและการทดสอบแคมเปญต่าง ๆ บ่อย ๆ


SEO หรือ SEM เหมาะกับธุรกิจของเรา?

การเลือกระหว่าง SEO และ SEM ขึ้นอยู่กับเป้าหมายทางธุรกิจของเราและปัจจัยต่าง ๆ เช่น งบประมาณ และระยะเวลาที่มี เป็นต้น

  • ✅ เลือก SEO เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการสร้างฐานลูกค้าระยะยาวและมีเวลาในการรอผลลัพธ์
  • ✅ เลือก SEM ถ้าหากธุรกิจของเราต้องการผลลัพธ์เร็วและมีงบสำหรับโฆษณา

แต่การใช้ทั้งสองกลยุทธ์ร่วมกันก็ย่อมทำให้เราได้โอกาสที่จะได้ผลลัพธ์ที่ดีมากกว่าใช้อย่างใดอย่างหนึ่งอยู่แล้ว 

เลือก SEM ถ้าต้องการทดสอบแคมเปญหรือความเป็นไปได้ของคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของเรา และสามารถ target ที่กลุ่มเป้าหมายที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วโดยตรง แต่ถ้างบไม่เยอะ เช่น เพิ่งเริ่มต้นธุรกิจด้วยตัวเอง ฯลฯ ก็ลุย SEO ก่อนได้ แต่ถ้าเป็นบริษัท มีเงินทุน มีงบ ก็จัดทั้ง SEM และ SEO ควบคู่กันไปได้เลยครับ


สรุป

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ? หวังว่าบทความนี้จะช่วยไขข้อสงสัยและให้มุมมองใหม่ ๆ เกี่ยวกับ SEO และ SEM ได้ไม่มากก็น้อย หวังว่าจะทำให้เพื่อน ๆ สามารถเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับธุรกิจของเราได้

📒โดยผมมี tip แนะนำจากที่กล่าวไปในช่วงต้นของบทความ  โดย tip ที่ว่านี้ให้เราทดสอบเคมเปญหรือคีย์เวิร์ดที่เราต้องการจะ target ผ่านการยิงแอด Google ก่อนครับ เราจะได้รู้ว่ามูลค่าที่แท้จริงของคีย์เวิร์ดนั้น ๆ เป็นอย่างไร เรายิงแอดแล้วได้ conversion ได้ลูกค้ามาเยอะด้วยคีย์นั้น นั่นแหละครับ ก็จัดการนำคีย์เวิร์ดนั้นมาทำ SEO เพื่อลดค่ายิงแอดของเรา สร้างความยั่งยืนในระยะยาว


อ้างอิง

  1. SEO vs SEM - Semrush
  2. SEO vs SEM - Backlinko

    Son contentmastery.io
    Son contentmastery.io

    ที่ปรึกษาด้าน Web & SEO สำหรับองค์กรและเจ้าของธุรกิจ ชอบเขียนและแชร์ความรู้ เชื่อว่าความรู้คือสิ่งที่มีมูลค่ามากที่สุดและจะติดตัวเราไปในทุกที่ ให้อะไรก็คงไม่เท่าให้ความรู้ หลงไหลในธรรมชาติและการเดินทาง เป็นพ่อของแงว ๆ อยู่หลายตัว เสพติดกาแฟ อเมริกาโน่


    อัพสกิล SEO & Web Marketing?

    ลดระยะเวลาลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง เรียน SEO ด้วยแนวทางปฎิบัติที่ดีที่สุด (Best Practices) สอนครอบคลุมในทุกมิติ ทั้งด้าน On-Page, Technical, Web Analytics & Report ฯลฯ เพื่อให้ผู้เรียนไปต่อยอดกับเว็บไซต์ธุรกิจของตัวเองได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับองค์กร บริษัทต่าง ๆ