บทความนี้ผมจะพาเพื่อน ๆ ไปทำความเข้าใจภาพรวมเกี่ยวกับ SEO และ SEM พร้อมเผยเคล็ดลับการเลือกกลยุทธ์ที่ใช่สำหรับธุรกิจของเรา ไม่ว่าเพื่อน ๆ จะเป็นเจ้าของธุรกิจมือใหม่ นักทำ SEO ที่เพิ่งเริ่มต้น หรือนักการตลาดมืออาชีพก็ตาม (มี tip เด็ด ๆ ให้ในท้ายโพสต์ด้วยครับ)
SEO vs SEM ภาพรวม
SEO (Search Engine Optimization) และ SEM เป็นสองกลยุทธ์สำคัญในการตลาดบนกูเกิล ซึ่งทั้งคู่มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มการมองเห็นของเว็บไซต์ในหน้าผลการค้นหาของ Google จนนำไปสู่การคลิกเข้าไปชมสินค้าหรือบริการ
แต่อย่างไรก็ตามทั้งสองแบบที่ว่ามานั้น มีวิธีการและข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน
- โดย SEO จะเน้นการ optimize เว็บไซต์เพื่อให้ติดอันดับในผลการค้นหาของ Google แบบ organic traffic
- SEM จะเป็นการใช้เงินโฆษณา (พูดแบบบ้าน ๆ ก็คือยิงแอดบน Google) เพื่อให้แสดงผลในหน้า Google Search
ตำแหน่งบนหน้า SERP ของ Ads vs SEO
พื้นฐานของ Search Engine Marketing
ทั้ง SEO และ SEM คือส่วนหนึ่งของ Search Engine Marketing โดย SEO เป็นการปรับเว็บให้เป็นมิตรกับเสิร์ชเอนจิน เช่น Google โดยใช้เทคนิคต่าง ๆ เช่น
- การวางแผนใช้คีย์เวิร์ดที่เหมาะสม (ทำ Keyword Research)
- การสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ (Quality Content) และการปรับ On-Page SEO
- การปรับปรุงโครงสร้างเว็บไซต์ (Site Structure) และทำ Site Audit หรือ Technical SEO
- การทำ Off-Page SEO เพื่อสร้าง backlinks เพื่อเพิ่ม authority (ค่าพลัง) ให้กับเว็บ
ส่วน SEM เป็นการใช้โฆษณาแบบจ่ายเงิน เช่น Google Ads เพื่อให้เว็บไซต์แสดงผลในตำแหน่งโฆษณาบนหน้า Google Search
อ่านบทความ SEO ฉบับเต็ม: SEO ศาสตร์ในการปรับเว็บ เพื่อติดหน้าแรก Google แบบ organic traffic
ความแตกต่างระหว่าง SEM และ SEO
- 1. ค่าใช้จ่าย: SEO มักมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าในระยะยาว แต่ใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล ส่วน SEM ให้ผลเร็วแต่มีค่าใช้จ่ายสูงกว่า
- 2. ระยะเวลา: SEO ใช้เวลานานกว่าในการสร้างผลลัพธ์ แต่ผลลัพธ์มักยั่งยืนกว่า SEM ให้ผลทันทีแต่จะหยุดทันทีที่หยุดจ่ายเงิน
- 3. SEM นั้นควบคุมได้: SEM ทำให้เราสามารถควบคุมหรือเลือกได้เลยครับว่าจะกำหนดกลุ่มเป้าหมายและตำแหน่งที่ปรากฏของโฆษณาเราใน Google ได้อย่างไร หรือแสดงใน location ไหนบ้าง ส่วน SEO มีความไม่แน่นอนมากกว่า (ซึ่งโดยปกติจะแสดงบนหน้า Google Search เท่านั้น)
ใน Google Ads เราสามารถเลือกได้ว่าจะให้โฆษณาของเราแสดงผลใน location ไหนได้บ้าง ได้ตามต้องการ
เกณฑ์ | SEO | SEM |
วัตถุประสงค์ | เพิ่ม Organic Traffic | สร้าง Paid Traffic ขึ้นมาแต่ละแคมเปญ |
ต้นทุน | ต่ำ (แต่ต้องลงแรงและเวลาปรับปรุงเว็บ) | สูง (เพราะต้องมีการประมูล CPC) |
ตำแหน่ง | อยู่ใต้ Ad | อยู่ตำแหน่งบนสุด (มีคำว่า Ad กำกับ) |
ความรวดเร็วของผลลัพธ์ | ช้า เพราะต้องอาศัยเวลา | เร็ว ยิงแอดแล้วเริ่มเห็นผลทันที |
ความยั่งยืน | สูง เพราะติดอันดับไปตลอด | ต่ำ หยุดยิงแอด คือก็ไม่มีใครเห็นคอนเทนต์แล้ว |
การวัดผล | หลัก ๆ วัดจาก Organic Traffic และ Conversion (รวมไปถึงอันดับของคีย์นั้น ๆ) | วัดจาก CPC, CPM, CTR, ตามงบที่ลง |
ในส่วนของยิงแอดจะต้องจ่ายเงินถึงจะเปิดการมองเห็นได้ ส่วน SEO ก็ปล่อยไปชิว ๆ เลยครับ ไม่ต้องยิงแอด ทำครั้งเดียว (แต่ก็ปรับสม่ำเสมอแหละ) กินยาว ๆ
กราฟเปรียบเทียบระหว่าง SEO (สีส้ม) และ SEM (สีฟ้า)
เทียบกลยุทธ์
ทั้ง SEO และ SEM มีความสำคัญสำหรับกลยุทธ์ของ Digital Marketing โดย SEO ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและเพิ่มทราฟฟิกในระยะยาว ในขณะที่ SEM ช่วยในการสร้าง brand awareness (การรับรู้ของแบรนด์) อย่างรวดเร็วและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเฉพาะได้ดี (เพราะเลือกกลุ่มเป้าหมายได้โดยตรง)
ดังนั้น
- ✅ SEO เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการสร้างความน่าเชื่อถือระยะยาวและมีงบประมาณจำกัด โดยเน้นการสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพและการปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้ (User Experience)
✅ SEM เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการผลลัพธ์เร็วและมีงบประมาณสำหรับโฆษณา โดยเน้นการทำโฆษณาที่ตรงกลุ่มเป้าหมายและการทดสอบแคมเปญต่าง ๆ บ่อย ๆ
SEO หรือ SEM เหมาะกับธุรกิจของเรา?
การเลือกระหว่าง SEO และ SEM ขึ้นอยู่กับเป้าหมายทางธุรกิจของเราและปัจจัยต่าง ๆ เช่น งบประมาณ และระยะเวลาที่มี เป็นต้น
- ✅ เลือก SEO เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการสร้างฐานลูกค้าระยะยาวและมีเวลาในการรอผลลัพธ์
- ✅ เลือก SEM ถ้าหากธุรกิจของเราต้องการผลลัพธ์เร็วและมีงบสำหรับโฆษณา
แต่การใช้ทั้งสองกลยุทธ์ร่วมกันก็ย่อมทำให้เราได้โอกาสที่จะได้ผลลัพธ์ที่ดีมากกว่าใช้อย่างใดอย่างหนึ่งอยู่แล้ว
เลือก SEM ถ้าต้องการทดสอบแคมเปญหรือความเป็นไปได้ของคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของเรา และสามารถ target ที่กลุ่มเป้าหมายที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วโดยตรง แต่ถ้างบไม่เยอะ เช่น เพิ่งเริ่มต้นธุรกิจด้วยตัวเอง ฯลฯ ก็ลุย SEO ก่อนได้ แต่ถ้าเป็นบริษัท มีเงินทุน มีงบ ก็จัดทั้ง SEM และ SEO ควบคู่กันไปได้เลยครับ
สรุป
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ? หวังว่าบทความนี้จะช่วยไขข้อสงสัยและให้มุมมองใหม่ ๆ เกี่ยวกับ SEO และ SEM ได้ไม่มากก็น้อย หวังว่าจะทำให้เพื่อน ๆ สามารถเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับธุรกิจของเราได้
📒โดยผมมี tip แนะนำจากที่กล่าวไปในช่วงต้นของบทความ โดย tip ที่ว่านี้ให้เราทดสอบเคมเปญหรือคีย์เวิร์ดที่เราต้องการจะ target ผ่านการยิงแอด Google ก่อนครับ เราจะได้รู้ว่ามูลค่าที่แท้จริงของคีย์เวิร์ดนั้น ๆ เป็นอย่างไร เรายิงแอดแล้วได้ conversion ได้ลูกค้ามาเยอะด้วยคีย์นั้น นั่นแหละครับ ก็จัดการนำคีย์เวิร์ดนั้นมาทำ SEO เพื่อลดค่ายิงแอดของเรา สร้างความยั่งยืนในระยะยาว
อ้างอิง