Off-Page SEO

Son Content Mastery
Updated: April 23, 2024


การทำ SEO ปกติแล้วการทำ On-Page นั้นก็อาจจะถือว่าเพียงพอในระดับหนึ่ง ในกรณีที่การแข่งขันของธุรกิจหรือคีย์เวิร์ดนั้น ๆ ไม่ได้สูง แต่ถ้าการแข่งขันสูงล่ะ ? แน่นอนครับว่าการทำ Off-Page SEO นั้นจะเป็นตัวแปรสำคัญที่ถูกเพิ่มเข้ามา เพราะการทำ On-Page SEO ไม่เพียงพออีกต่อไป แล้ว Off-Page คืออะไร ทำไมถึงมีความสำคัญ รวมไปถึงวิธีในการทำด้วยครับ

Off-Page SEO คืออะไร

Off-Page SEO คือการทำ SEO แบบที่เราควบคุมได้ยากกว่าแบบ On-Page SEO ที่เราสามารถกำหนดหรือควบคุมเองได้ โดยการทำ Off-Page SEO ก็มีอยู่หลากหลายวิธี แต่ในความเป็นจริงแล้วมีวิธีการหลัก ๆ ที่ผมคิดว่าสำคัญที่สุดคือ

  1. Link Building (หรือการทำ Backlink) ซึ่งปกติถ้าทำ Off-Page มักจะหมายถึงการทำ backlink นี่แหละครับเสียเป็นส่วนใหญ่
  2. Social Media Engagement
  3. Content Marketing

โดยส่วนที่มีน้ำหนักมากหรือสำคัญที่สุดคือการทำ "Backlink" โดยเราจะพาไปทำความเข้าใจทั้ง 3 เทคนิคในการทำ Off-Page กันครับ

คำแนะนำ: ก่อนที่จะทำ Off-Page SEO ได้มีประสิทธิภาพสูงสุดนั้น เราต้องทำ On-Page ให้สมบูรณ์ก่อนครับ

1. Link Building (การทำ Backlink)

Backlink คือการที่มีเว็บภายนอกส่งลิงก์มาที่เว็บไซต์ของเรา ยิ่งมีเว็บไซต์ที่ลิงก์มาที่เว็บเราเยอะ ๆ ก็คือสัญญาณสำคัญบอกให้ Google รู้ว่าเว็บหรือบทความนั้น ๆ ของเรามีคุณภาพและน่าเชื่อถือ ดังนั้นจึงถูกนำไปอ้างอิงแล้วถูกส่งลิงก์ย้อนกลับมาให้เว็บไซต์หรือบทความของเรา


Backlink (Photo Credit: - 7 Confirmed Google Ranking Factors - Ahrefs)


แต่ก็ไม่ใช่ทุกเว็บที่ลิงก์มาที่เว็บเราจะเป็น backlink คุณภาพสูง (High Quality Backlink) ทุกเว็บดังนั้นโพสต์นี้มาดูกันครับว่า backlink ที่มีคุณภาพนั้นเป็นอย่างไร

วิธีการเพิ่ม backlink ให้เว็บไซต์ของเรา

การที่เราจะได้รับ backlink จากเว็บอื่นนั้น หรือให้คนอื่นนั้นลิงก์มายังเว็บของเรา ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน แล้วมีวิธีการหรือกลยุทธ์ไหนบ้างที่จะได้รับ backlinks ดี ๆ มาที่เว็บของเรา เพื่อช่วยให้เว็บเรา มีอันดับหรือมีเครดิตที่ดีเพิ่มมากขึ้นในสายตา Google?

ก็มีมากมายหลากหลายวิธีครับที่เราสามารถทำได้ แต่นี่คือวิธีการที่ผมได้คัดมาแล้วครับ 3 วิธีเนื้อ ๆ เน้น ๆ ให้เพื่อน ๆ ลองเอาไปปรับใช้กันได้เลยครับ


1. สร้าง 10x Content

การสร้างคอนเทนต์ธรรมดา ที่พบได้ทั่วไป คนอื่นก็ทำได้อะไรแบบนี้ คงไม่ดึงดูดเว็บอื่นเป็นแน่ ดังนั้นวิธีการเดียวที่คุณจะสามารถดึงดูดให้เขาเหล่านั้นลิงก์มาเว็บเราคือ การสร้าง 10x Content ซึ่ง 10x Content ถ้าแปลตามตรงก็คือคอนเทนต์ที่ดีกว่าที่มีอยู่แบบเดิม 10 เท่า !!

แต่ในความเป็นจริงคงยากที่จะทำได้ตามนี้เป๊ะ ๆ ครับ เอาเป็นว่าทำคอนเทนต์ให้ดีกว่าบทความเหล่านั้นที่ติดหน้าแรก Google มันก็ไม่ง่ายครับที่จะสร้างคอนเทนต์ระดับนั้น ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาในการ research หรือค้นคว้าหาข้อมูลเพื่อมาเขียนคอนเทนต์ระดับนั้นพอสมควร กินแรง กินเวลาไปเยอะอยู่ แต่เชื่อได้เลยครับว่า มันคุ้มค่ากับเวลาที่เสียไปอย่างแน่นอน

ดังนั้นสิ่งที่ผมแนะนำก่อนที่จะทำ 10x Content นี้ เพื่อน ๆ ต้องหยุดทำคอนเทนต์อื่นที่ไม่ตอบโจทย์และเสียเวลาเปล่าประโยชน์ โฟกัสพุ่งเป้าหมายมาที่คอนเทนต์นี้เน้น ๆ 

2. ทำ guest blog post

ถ้าการทำคอนเทนต์แบบ 10x content ใช้เวลาเยอะเกินไป นี่คือวิธีการถัดไปที่เพื่อน ๆ จะสามารถทำได้รวดเร็วที่สุดเพื่อที่จะได้ backlink ดี ๆ นั่นก็คือการทำ "guest blog post" วิธีการนี้ใช้เวลาน้อยที่สุด แต่จะทำอย่างไร ? 

แน่นอนครับว่าเราก็ต้องมีการติดต่อไปที่เจ้าของเว็บไซต์หรือบล็อกนั้น ๆ ที่เขาเปิดให้คนภายนอกเข้าไปเป็น author เพื่อเขียนบทความให้เว็บของเขาเหล่านั้น และอย่าลืมว่าเว็บนั้นต้องมีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจของเราด้วยนะ

3. สร้างคอนเนคชั่นกับ journalists

Journalists ในที่นี้คือนักเขียน นักข่าว หรือคอลัมนิสต์ในเว็บไซต์ชื่อดังต่าง ๆ ซึ่งเว็บเหล่านี้มีค่าพลังหรือ DA (Domain Authority) สูง ซึ่งจริง ๆ วิธีนี้ก็คล้ายวิธีที่ 2 ที่ผ่านมา ลองนึกดูว่าถ้าเพื่อน ๆ ได้ backlinks จากเว็บเหล่านี้มันจะสุดยอดแค่ไหน การสร้างคอนเนคชั่นกับบุคคลเหล่านี้ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่น่าสนใจมาก ๆ ที่จะให้พวกเขาเขียนบทความ และทำการลิงก์มาที่เว็บไซต์ของเรา

2. Social Media Engagement

ต่อมาคือแนวคิดและวิธีที่ 2 ของ Off-Page SEO นั่นก็คือการทำ Social Media Engagement ก็เพราะว่าปัจจุบันนี้มีผู้ใช้งาน Social Media จำนวนมหาศาลใช่ไหมครับ ดังนั้นถ้าเราทำให้เว็บไซต์หรือบทความของเราไปปรากฏบนช่องทางเหล่านั้นแล้ว มันจะช่วยเพิ่มโอกาสที่คนจะเข้าเว็บของเราได้อย่างมากมาย 

ตัวอย่างแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียชื่อดัง แน่นอนว่ามีค่า DA สูงลิบทั้งสิ้น

  1. Facebook: (DA: 94)
  2. Instagram: (DA: 93)
  3. LinkedIn: (DA: 96)
  4. Twitter: (DA: 94)
ข้อควรรู้: แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเหล่านี้ ส่ง backlink แบบ No-follow Link


โดยวิธีการทำ Off-Page SEO ด้วย Social Media Marketing มีวิธีการดังต่อไปนี้ 

1. เพิ่มปุ่ม Social Share ในหน้าเว็บ 

การเพิ่มปุ่มแชร์ไปบนโซเชียลมีเดียต่าง ๆ เช่น Facebook, Twitter, LinkedIn, ฯลฯ จะช่วยกระตุ้นให้คนอ่านอยากแชร์บทความของเราเมื่ออ่านจบแล้วพวกเขารู้สึกว่ามีประโยชน์ เอาจริง ๆ หลายคนที่แชร์ไปก็รู้สึกว่าเป็นความเท่อีกแบบหนึ่ง เหมือนแชร์แล้วเราดูเป็นคนมีภูมิ มีความรู้อะไรทำนองนั้น (หลายคนเป็นแบบนั้นจริง ๆ ครับ) แต่ส่วนใหญ่ก็แชร์เพื่อเก็บไว้อ่านหรือเห็นว่าบทความของเรามีประโยชน์จริง ๆ แหละ

2. แชร์ไปในเพจ Facebook ของเราเอง

อันนี้สำหรับสายทำเพจ โดยมีเพจเฟซบุ๊กเป็นของตัวเอง แถมยังมีคนติดตามอยู่เป็นหมื่นเป็นแสนอยู่แล้วนั้นถือว่าได้เปรียบเลยครับ เพราะนี่คือพลังของโซเชียล บางโพสต์ที่คนแชร์เยอะ ๆ แล้วจำนวนการแชร์นั่นแหละก็เป็น Ranking Signal อีกอันหนึ่งของ Google เลยครับ

สรุป

และนี่คือ 3 วิธีการที่ดีที่สุดในการทำ Off-Page SEO โดยวิธีหลัก ๆ คือ การทำ 1. Link Building (Backlink)  backlinks 2. Social Media Engagement 3. Content Marketing

โดยวิธีที่มีความสำคัญสุดในการทำ Off-Page คือ Link Building โดยส่วนตัวไม่แนะนำให้ไปซื้อ backlinks เถื่อนต่าง ๆ ที่มีคนประกาศขายในเว็บ เพราะว่าในระยะสั้นเว็บของเราอาจจะอันดับดีขึ้นจริง แต่ระยะยาวความเสี่ยงค่อนข้างสูง ร้ายแรงสุดถ้า Google ตรวจพบว่าเราทำการ spam backlinks ซึ่งแน่นอนว่าจะทำให้เว็บของเราอันดับตก ค่าพลัง ความเชื่อถือในสายตา Google ลดลงแล้ว ซึ่งมันจะเป็นงานยาก ถ้าเราจะทำให้อันดับหรือทำให้เว็บเรากลับมาให้ดีอีกครั้งในสายตา Google  


FAQ

Off-Page หรือ Off-Site คือการทำ SEO แบบที่เราควบคุมได้ยาก โดยต้องอาศัยปัจจัยภายนอก เช่น การที่เว็บอื่นลิงก์มาหาเว็บเราเพื่ออ้างอิง ถ้าพูดถึง Off-Page ปกติแล้วก็มักจะนึกถึงการทำ Backlinks
1. Link Building (หรือการทำ Backlink) 2. Social Media Engagement 3. Content Marketing
สร้าง 10x content ทำ Guest Blog Post หมั่นติดต่อและสร้างความสัมพันธ์กับ journalists เป็นต้น

พร้อมอัพสกิล SEO เต็มรูปแบบ ?

เพราะเวลาเป็นสิ่งมีค่ายิ่ง ลดระยะเวลาลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง กับคอร์สเรียน SEO + Web เข้าใจ SEO ในทุกมิติ เข้าใจเบื้องลึกเบื้องหลังการทำงานของเว็บ พร้อมทั้งสามารถทำ Technical SEO ได้อย่างไม่มีปัญหา ปิดจุดด้อยทุกจุด กับคลาสเรียนแบบเป็นส่วนตัวกับ Son Content Mastery