Off-Page SEO


Son contentmastery.io
Son contentmastery.io
Updated: Sept. 14, 2024


การทำ SEO ปกติแล้วการทำ On-Page นั้นก็อาจจะถือว่าเพียงพอในระดับหนึ่ง ในกรณีที่การแข่งขันของธุรกิจหรือคีย์เวิร์ดนั้น ๆ ไม่ได้สูง แต่ถ้าการแข่งขันสูงล่ะ ? แน่นอนครับว่าการทำ Off-Page SEO นั้นจะเป็นตัวแปรสำคัญที่ถูกเพิ่มเข้ามา เพราะการทำ On-Page SEO ไม่เพียงพออีกต่อไป แล้ว Off-Page คืออะไร ทำไมถึงมีความสำคัญ รวมไปถึงวิธีในการทำด้วยครับ

Off-Page SEO คืออะไร

Off-Page SEO คือการทำ SEO แบบที่เราควบคุมได้ยากกว่าแบบ On-Page SEO ที่เราสามารถกำหนดหรือควบคุมเองได้ โดยการทำ Off-Page SEO ก็มีอยู่หลากหลายวิธี แต่ในความเป็นจริงแล้วมีวิธีการหลัก ๆ ที่ผมคิดว่าสำคัญที่สุดคือ

  1. Link Building (หรือการทำ Backlink) ซึ่งปกติถ้าทำ Off-Page มักจะหมายถึงการทำ backlink นี่แหละครับเสียเป็นส่วนใหญ่
  2. Social Media Engagement
  3. Content Marketing

โดยส่วนที่มีน้ำหนักมากหรือสำคัญที่สุดคือการทำ "Backlink" โดยเราจะพาไปทำความเข้าใจทั้ง 3 เทคนิคในการทำ Off-Page กันครับ

คำแนะนำ: ก่อนที่จะทำ Off-Page SEO ได้มีประสิทธิภาพสูงสุดนั้น เราต้องทำ On-Page ให้สมบูรณ์ก่อนครับ

1. Link Building (การทำ Backlink)

Backlink คือการที่มีเว็บภายนอกส่งลิงก์มาที่เว็บไซต์ของเรา ยิ่งมีเว็บไซต์ที่ลิงก์มาที่เว็บเราเยอะ ๆ ก็คือสัญญาณสำคัญบอกให้ Google รู้ว่าเว็บหรือบทความนั้น ๆ ของเรามีคุณภาพและน่าเชื่อถือ ดังนั้นจึงถูกนำไปอ้างอิงแล้วถูกส่งลิงก์ย้อนกลับมาให้เว็บไซต์หรือบทความของเรา


Backlink (Photo Credit: - 7 Confirmed Google Ranking Factors - Ahrefs)


แต่ก็ไม่ใช่ทุกเว็บที่ลิงก์มาที่เว็บเราจะเป็น backlink คุณภาพสูง (High Quality Backlink) ทุกเว็บดังนั้นโพสต์นี้มาดูกันครับว่า backlink ที่มีคุณภาพนั้นเป็นอย่างไร

วิธีการเพิ่ม backlink ให้เว็บไซต์ของเรา

การที่เราจะได้รับ backlink จากเว็บอื่นนั้น หรือให้คนอื่นนั้นลิงก์มายังเว็บของเรา ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน แล้วมีวิธีการหรือกลยุทธ์ไหนบ้างที่จะได้รับ backlinks ดี ๆ มาที่เว็บของเรา เพื่อช่วยให้เว็บเรา มีอันดับหรือมีเครดิตที่ดีเพิ่มมากขึ้นในสายตา Google?

ก็มีมากมายหลากหลายวิธีครับที่เราสามารถทำได้ แต่นี่คือวิธีการที่ผมได้คัดมาแล้วครับ 3 วิธีเนื้อ ๆ เน้น ๆ ให้เพื่อน ๆ ลองเอาไปปรับใช้กันได้เลยครับ


1. สร้าง 10x Content

การสร้างคอนเทนต์ธรรมดา ที่พบได้ทั่วไป คนอื่นก็ทำได้อะไรแบบนี้ คงไม่ดึงดูดเว็บอื่นเป็นแน่ ดังนั้นวิธีการเดียวที่คุณจะสามารถดึงดูดให้เขาเหล่านั้นลิงก์มาเว็บเราคือ การสร้าง 10x Content ซึ่ง 10x Content ถ้าแปลตามตรงก็คือคอนเทนต์ที่ดีกว่าที่มีอยู่แบบเดิม 10 เท่า !!

แต่ในความเป็นจริงคงยากที่จะทำได้ตามนี้เป๊ะ ๆ ครับ เอาเป็นว่าทำคอนเทนต์ให้ดีกว่าบทความเหล่านั้นที่ติดหน้าแรก Google มันก็ไม่ง่ายครับที่จะสร้างคอนเทนต์ระดับนั้น ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาในการ research หรือค้นคว้าหาข้อมูลเพื่อมาเขียนคอนเทนต์ระดับนั้นพอสมควร กินแรง กินเวลาไปเยอะอยู่ แต่เชื่อได้เลยครับว่า มันคุ้มค่ากับเวลาที่เสียไปอย่างแน่นอน

ดังนั้นสิ่งที่ผมแนะนำก่อนที่จะทำ 10x Content นี้ เพื่อน ๆ ต้องหยุดทำคอนเทนต์อื่นที่ไม่ตอบโจทย์และเสียเวลาเปล่าประโยชน์ โฟกัสพุ่งเป้าหมายมาที่คอนเทนต์นี้เน้น ๆ 

2. ทำ guest blog post

ถ้าการทำคอนเทนต์แบบ 10x content ใช้เวลาเยอะเกินไป นี่คือวิธีการถัดไปที่เพื่อน ๆ จะสามารถทำได้รวดเร็วที่สุดเพื่อที่จะได้ backlink ดี ๆ นั่นก็คือการทำ "guest blog post" วิธีการนี้ใช้เวลาน้อยที่สุด แต่จะทำอย่างไร ? 

แน่นอนครับว่าเราก็ต้องมีการติดต่อไปที่เจ้าของเว็บไซต์หรือบล็อกนั้น ๆ ที่เขาเปิดให้คนภายนอกเข้าไปเป็น author เพื่อเขียนบทความให้เว็บของเขาเหล่านั้น และอย่าลืมว่าเว็บนั้นต้องมีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจของเราด้วยนะ

3. สร้างคอนเนคชั่นกับ journalists

Journalists ในที่นี้คือนักเขียน นักข่าว หรือคอลัมนิสต์ในเว็บไซต์ชื่อดังต่าง ๆ ซึ่งเว็บเหล่านี้มีค่าพลังหรือ DA (Domain Authority) สูง ซึ่งจริง ๆ วิธีนี้ก็คล้ายวิธีที่ 2 ที่ผ่านมา ลองนึกดูว่าถ้าเพื่อน ๆ ได้ backlinks จากเว็บเหล่านี้มันจะสุดยอดแค่ไหน การสร้างคอนเนคชั่นกับบุคคลเหล่านี้ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่น่าสนใจมาก ๆ ที่จะให้พวกเขาเขียนบทความ และทำการลิงก์มาที่เว็บไซต์ของเรา

2. Social Media Engagement

ต่อมาคือแนวคิดและวิธีที่ 2 ของ Off-Page SEO นั่นก็คือการทำ Social Media Engagement ก็เพราะว่าปัจจุบันนี้มีผู้ใช้งาน Social Media จำนวนมหาศาลใช่ไหมครับ ดังนั้นถ้าเราทำให้เว็บไซต์หรือบทความของเราไปปรากฏบนช่องทางเหล่านั้นแล้ว มันจะช่วยเพิ่มโอกาสที่คนจะเข้าเว็บของเราได้อย่างมากมาย 

ตัวอย่างแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียชื่อดัง แน่นอนว่ามีค่า DA สูงลิบทั้งสิ้น

  1. Facebook: (DA: 94)
  2. Instagram: (DA: 93)
  3. LinkedIn: (DA: 96)
  4. Twitter: (DA: 94)
ข้อควรรู้: แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเหล่านี้ ส่ง backlink แบบ No-follow Link


โดยวิธีการทำ Off-Page SEO ด้วย Social Media Marketing มีวิธีการดังต่อไปนี้ 

1. เพิ่มปุ่ม Social Share ในหน้าเว็บ 

การเพิ่มปุ่มแชร์ไปบนโซเชียลมีเดียต่าง ๆ เช่น Facebook, Twitter, LinkedIn, ฯลฯ จะช่วยกระตุ้นให้คนอ่านอยากแชร์บทความของเราเมื่ออ่านจบแล้วพวกเขารู้สึกว่ามีประโยชน์ เอาจริง ๆ หลายคนที่แชร์ไปก็รู้สึกว่าเป็นความเท่อีกแบบหนึ่ง เหมือนแชร์แล้วเราดูเป็นคนมีภูมิ มีความรู้อะไรทำนองนั้น (หลายคนเป็นแบบนั้นจริง ๆ ครับ) แต่ส่วนใหญ่ก็แชร์เพื่อเก็บไว้อ่านหรือเห็นว่าบทความของเรามีประโยชน์จริง ๆ แหละ

2. แชร์ไปในเพจ Facebook ของเราเอง

อันนี้สำหรับสายทำเพจ โดยมีเพจเฟซบุ๊กเป็นของตัวเอง แถมยังมีคนติดตามอยู่เป็นหมื่นเป็นแสนอยู่แล้วนั้นถือว่าได้เปรียบเลยครับ เพราะนี่คือพลังของโซเชียล บางโพสต์ที่คนแชร์เยอะ ๆ แล้วจำนวนการแชร์นั่นแหละก็เป็น Ranking Signal อีกอันหนึ่งของ Google เลยครับ

สรุป

และนี่คือ 3 วิธีการที่ดีที่สุดในการทำ Off-Page SEO โดยวิธีหลัก ๆ คือ การทำ 1. Link Building (Backlink)  backlinks 2. Social Media Engagement 3. Content Marketing

โดยวิธีที่มีความสำคัญสุดในการทำ Off-Page คือ Link Building โดยส่วนตัวไม่แนะนำให้ไปซื้อ backlinks เถื่อนต่าง ๆ ที่มีคนประกาศขายในเว็บ เพราะว่าในระยะสั้นเว็บของเราอาจจะอันดับดีขึ้นจริง แต่ระยะยาวความเสี่ยงค่อนข้างสูง ร้ายแรงสุดถ้า Google ตรวจพบว่าเราทำการ spam backlinks ซึ่งแน่นอนว่าจะทำให้เว็บของเราอันดับตก ค่าพลัง ความเชื่อถือในสายตา Google ลดลงแล้ว ซึ่งมันจะเป็นงานยาก ถ้าเราจะทำให้อันดับหรือทำให้เว็บเรากลับมาให้ดีอีกครั้งในสายตา Google  


คำถามที่พบบ่อย

Off-Page หรือ Off-Site คือการทำ SEO แบบที่เราควบคุมได้ยาก โดยต้องอาศัยปัจจัยภายนอก เช่น การที่เว็บอื่นลิงก์มาหาเว็บเราเพื่ออ้างอิง ถ้าพูดถึง Off-Page ปกติแล้วก็มักจะนึกถึงการทำ Backlinks
1. Link Building (หรือการทำ Backlink) 2. Social Media Engagement 3. Content Marketing
สร้าง 10x content ทำ Guest Blog Post หมั่นติดต่อและสร้างความสัมพันธ์กับ journalists เป็นต้น

พร้อมอัพสกิล SEO เต็มรูปแบบ?

เพราะเวลาเป็นสิ่งมีค่ายิ่ง ลดระยะเวลาลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง กับคอร์สเรียน SEO + Web เข้าใจ SEO ในทุกมิติ เข้าใจเบื้องลึกเบื้องหลังการทำงานของเว็บ สามารถวิเคราะห์ performance ของเว็บได้ ทำให้วางแผนเพิ่มประสิทธิภาพและ traffic ของเว็บได้ กับคลาสเรียนสำหรับองค์กรและบริษัทต่าง ๆ เรียนกับ Son contentmastery.io ผู้ก่อตั้ง Content Mastery