• Home
  • Blog
  • รวม 50 คำศัพท์ SEO พื้นฐานที่ควรรู้

รวม 50 คำศัพท์ SEO พื้นฐานที่ควรรู้

Son Content Mastery
Updated: Sept. 2, 2023


บทความนี้ขอนำเสนอ 50 คำศัพท์พื้นฐานของ SEO ที่มือใหม่ด้าน SEO สามารถอ่านและย่อยทำความเข้าใจได้ง่าย เพราะบางคนที่เพิ่งเริ่มต้นนั้น พอเจอศัพท์บางคำก็ยังรู้สึกงง ๆ อยู่ว่ามันคืออะไรกันแน่

ดังนั้นถ้าเราเข้าใจความหมายหรือคำจำกัดความของคำเหล่านี้ดีแล้วซึ่งจะช่วยให้เราเข้าใจโลกของการทำการตลาดบนเสิร์ช Search Marketing ได้ดีมากยิ่งขึ้นแน่นอนครับ


1.  SEO (Search Engine Optimization)

SEO (Search Engine Optimization) คือ กระบวนการปรับ (optimize) เว็บไซต์เพื่อให้แสดงผลในหน้าแรกของ Search Engine (Google) โดยเราจะได้คนเข้าเว็บแบบ organic traffic (คือไม่ต้องเสียเงินค่าโฆษณา) 


2.  CTR (Click Through Rate)

CTR (Click Through Rate) อัตราการคลิกเมื่อเทียบกับการแสดงผล (Impression) เช่น เรามีบทความชื่อว่า SEO 101 เวลาคนค้นหาบทความหรือข้อมูลอะไรที่เกี่ยวข้องกับ SEO

สมมติว่าบทความของเราแสดงผลในหน้าแรกของ Google  แล้วคนเห็นเป็นจำนวน 10 คน และมีคนคลิกทั้งสิ้น 3 คน  เท่ากับว่าบทความนี้มี CTR คิดเป็นทั้งสิ้น 30%

 CTR = (Click หารด้วย Impression คูณด้วย 100)

CTR = (3/10) * 100 = 30%


3.  Meta Tags

แท็กภายในส่วน <head>  ของ HTML (ส่วนหัวของหน้าเว็บเพจ) ซึ่งไม่ใช่แท็กที่แสดงผลบนหน้าเว็บ แต่เป็นส่วนที่บอกให้ Google Crawler (ตัว Googlebot) ทราบว่า หน้าเว็บนี้เกี่ยวข้องกับอะไร ซึ่ง Meta Tags ที่หลาย ๆ คนคุ้นเคยอย่างเช่น Meta Title, Meta Description, etc ซึ่งทั้งสองแท็กนี้ถือว่ามีความสำคัญต่อ SEO อย่างมาก เพราะฉะนั้นเราจึงต้อง optimize แท็กเหล่านี้ให้ดีที่สุด


4.  Keyword

คำหลักที่ user ได้พิมพ์ลงไปใน Google เพื่อค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับคำหรือกลุ่มคำนั้น ๆ เช่น ผมต้องการค้นหาเกี่ยวกับโรค Covid-19 ผมก็พิมพ์ลงใน Google ว่า "covid-19" คืออะไร?" ซึ่งคำ"covid-19" แหละก็คือ keyword (คำหลัก)

บทความแนะนำ: การทำ Keyword Research 


5.  SERP (Search Engine Result Page)

ย่อมาจากคำว่า "Search Engine Result Page คือ ผลลัพธ์ หรือหน้าเว็บต่าง ๆ ที่ Google ได้นำมาแสดงผลใน Google Search  ที่ user ได้ค้นหา โดย Google จะพยายามนำผลลัพธ์ที่ตรงกับประสงค์ของการค้นหา (Search Intent) ของ user มากที่สุด สรุปแล้ว SERP ก็คือผลลัพธ์หรือหน้าเว็บต่าง ๆ ที่เราเห็นตอนเราทำการค้นหาอะไรบางอย่างใน Google นั่นแหละครับ ซึ่งก็จะมีทั้ง ads และก็ คลิปใน YouTube รวมถึงคอนเทนต์รูปแบบต่าง ๆ แสดงผลร่วมด้วยในหน้า SERP


6.  Internal Link

ลิงก์บนหน้าเว็บไซต์ที่ลิงก์ไปที่หน้าเว็บเพจต่าง ๆ ภายในเว็บไซต์ของเราหรือภายใต้ domain name เดียวกัน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีผลต่อ SEO  ซึ่งการลิงก์ไปหน้าเว็บต่าง ๆ เรียกว่าการทำ Internal Linking จะช่วยให้ Googlebot ค้นหาหน้าเว็บต่าง ๆ ภายในเว็บไซต์เราได้ดียิ่งขึ้น รวมไปถึงทำให้คนอ่านพบเจอเนื้อหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกันภายในเว็บเราได้ดียิ่งขึ้น


7.  Backlink

Backlink คือ ลิงก์ภายนอกที่เว็บไซต์อื่นได้ลิงก์มาที่เว็บไซต์ของเรา ยิ่งเว็บเรามี backlinks ที่มีคุณภาพ จากเว็บไซต์ที่มีคุณภาพและเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์เรา ก็จะทำให้เว็บไซต์เราดูดีในสายตา Google ช่วยเพิ่มโอกาสในการแสดงผลหน้าแรก ๆ สูงยิ่งขึ้นไปอีก เป็นอีกหนึ่งใน Ranking Factors ที่สำคัญของ Google


8.  Traffic

Traffic คือ จำนวนการเข้าชมเว็บไซต์ โดยปกติแล้วมักจะแบ่งออกเป็นในแต่ละเดือน (Monthly Traffic) โดยปกติจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ

  1. Organic Traffic คือ traffic ธรรมชาติที่ผู้คนค้นหาเราผ่าน Google โดยเราไม่ได้ยิงโฆษณา
  2. Paid Traffic คือ traffic ที่เราต้องจ่ายค่า ads หรือค่าโฆษณาให้กับ Google เพื่อที่จะให้ Google นำหน้าเว็บเพจที่เราต้องการยิงโฆษณามาแสดงผลบน Google Search โดย Traffic เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ใช้เป็นตัววัดผลด้าน KPI ในการทำ SEO 


9.  Indexing

คือขั้นตอนที่ Google ได้ทำการจัดอันดับและทำหมวดหมู่ของคอนเทนต์ลงในฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (มหาศาล) ของ Google ก่อนที่จะนำไป serve เนื้อหาให้กับผู้ใช้ที่ตรงจุดและดีที่สุด


10.  Search Volume

จำนวนที่ keyword นั้น ๆ ถูกค้นหาในแต่ละเดือน ยิ่งมีจำนวนมาก ก็แสดงว่า keyword นั้น ๆ มีจำนวน search volume หรือจำนวนการค้นหาต่อเดือนมาก เช่น คำว่า shopee มีจำนวนคำค้นหาต่อเดือนอยู่ที่ 2,240,000 ครั้ง หรือ lazada มีจำนวนการค้นหาอยู่ที่ 1,220,000 ซึ่งตัวเลขเหล่านี้แหละคือ Search Volume ยิ่งคำเหล่านั้นมีความ mass ก็ยิ่งมีจำนวน Search Volume เยอะ หรือคีย์เวิรด์นั้นมีความเฉพาะเจาะจง (niche) จำนวน Search Volume ก็จะน้อยตามไปด้วย


11.  Search Intent

ประสงค์ของผู้ใช้ในการค้นหาเรื่องนั้น ๆ จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลว่า การเขียนบทความนั้น เราจะต้องมี sense ที่จะรู้ว่าผู้ใช้ต้องการค้นหาอะไร แล้วก็เขียนเพื่อ serve ให้ตรงจุดที่ผู้ใช้กำลังค้นหา


12.  Organic

การที่คอนเทนต์ของเราแสดงผลต่อผู้ใช้ โดยที่ไม่ได้ทำการโฆษณา คือได้มาแบบฟรี ๆ แต่การได้มาแบบออแกนิคนี่ก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้าต้องการเข้าถึงผู้คนได้เยอะ คอนเทนต์ของเราก็ต้องดีจริง


13.  URL (Uniform Resource Locator)

URL ย่อมาจาก (Uniform Resource Locator) คือ ลิงก์ที่อยู่ของหน้าเว็บเพจนั้น ๆ โดยจะแต่ละหน้าเว็บก็จะมี URL ที่เฉพาะเจาะจง ไม่เหมือนกัน (Unique) พูดง่าย ๆ ก็คือที่อยู่ของหน้าเว็บนั้น ๆ  แน่นอนว่า หน้าเว็บแต่ละหน้าก็จะมีที่อยู่ไม่ซ้ำกับหน้าอื่นใดในโลกนี้ ตัวอย่างเช่น https://contentmastery.io/blog/url-structure/ ซึ่งมีลิงก์เดียวในโลกแน่นอน


14.  Algorithms 

Algorithms (อัลกอรึทึม) คือกระบวนการที่ search engine ได้ใช้เป็นเกณฑ์ในการแยกประเภทเนื้อหาต่าง ๆ และจัดอันดับ เพื่อนำมาแสดงในตำแหน่งไหน ลำดับที่เท่าไหร่บน Google Search เพื่อให้ตรงกับสิ่งที่คนค้นหามากที่สุด


15.  HTML (Hypertext Markup Language)

HTML (Hypertext Markup Language) คือ มาร์คอัพหรือภาษาโปรแกรมมิ่ง ที่ใช้สำหรับสร้างหน้าเว็บเพจ แทบจะทุกเว็บไซต์ในโลกนี้ล้วนแล้วต้องใช้ HTML ในการสร้างหน้าเว็บทั้งสิ้น (เป็นหนึ่งในสกิลหรือภาษาที่คนทำ SEO ควรรู้ไว้ก็จะดีครับ)


16.  Sitemap

แผนผังของเว็บไซต์ เว็บไซต์ที่มีการทำ sitemap จะทำให้ Googlebot มาพบเจอหรือเก็บเกี่ยวหน้าเว็บนั้น ๆ ได้ดียิ่งขึ้น วิธีการเช็ค sitemap ทำการโดยพิมพ์ /sitemap.xml ต่อโดเมนเนมของเว็บนั้น ๆ เช่น example.com/sitemap.xml (sitemap จะมีนามสกุลหรือ extension ของไฟล์คือ .xml)


17.  Keyword Stuffing

คือการสแปมหรือใส่คีย์เวิร์ดเยอะ ๆ ในบทความหรือในหน้าเว็บเพื่อหวังผลทาง SEO ซึ่งปัจจุบัน Google ฉลาดขึ้นในทุก ๆ วัน การทำ keyword stuffing นั้นแทบจะไม่ได้ผลแล้วในปัจจุบันแถมอาจเป็นผลเสียทำให้ Google ลงโทษหน้าเว็บของเราได้ 


18.  DA (Domain Authority)

DA (Domain Authority) เป็นคำจำกัดความที่ทาง Moz แพลตฟอร์มเครื่องมือการทำและวิเคราะห์ SEO ระดับโลกได้บัญญัติคำขึ้นมา โดยมีค่าตั้งแต่ 0 - 100 เว็บไหนมีค่า DA สูง ก็จะยิ่งดูว่าเป็นเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือสูง มีความแข็งแรงหรือค่าพลังของเว็บไซต์สูงตามไปด้วย ปัจจุบันคนที่ทำ SEO จะเห็นว่ามีหลาย ๆ เอเจนซี่ที่รับเพิ่มค่า DA ให้กับเว็บไซต์ ซึ่งก็จะทำให้ SEO ของเว็บดีไปด้วยนั่นเอง


19.  Bounce Rate

อัตราหรือเปอร์เซ็นต์การกดออกจากหน้าเว็บไซต์ของเรา โดยไม่มีการกระทำ (action) ใด ๆ ในหน้านั้น เป็นอีกหนึ่งตัวชี้วัดที่สำคัญของ Google ในการจัดอันดับหรือนำเว็บมาแสดงผล ยิ่ง brouce rate ต่ำเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ตัวอย่าง web A มี brouce rate 45% Web B มี brouce rate 96% แสดงว่า web A มีแนวโน้มสูงที่ Google จะชอบมากกว่า Web B 


20.  Conversion Rate

Conversion Rate คืออัตราที่ผู้ใช้ได้ทำ action ใด ๆ หลังจากเข้าหน้าเว็บของเรา ไม่ว่าจะเป็นการกรอกแบบฟอร์ม กดปุ่มลงทะเบียน ฯลฯ เหล่านี้ล้วนเป็น Conversion Rate แทบทั้งสิ้น ซึ่งแน่นอนว่ายิ่ง Conversion Rate สูงมันก็ยิ่งเป็นเรื่องที่ดีตามไปด้วย


21.  Featured Snippets

เนื้อหาของเว็บที่แสดงอยู่อันดับบนหรือแรกสุดของ Google Search  (หรืออันดับที่ 0) นี่คืออันดับที่ดีที่สุด โดยเนื้อหาที่แสดงอยู่บน Google จะแสดงเป็นแบบสรุปของเนื้อหานั้น ๆ อาจจะเป็นในรูปแบบต่าง ๆ ที่แตกต่างกันไป เช่น พารากราฟ ตาราง วิดีโอ ลิสต์ เป็นต้น


22.  Bots, Crawlers

บอตของ Search Engines ที่จะมาเก็บข้อมูลหน้าเว็บของเรา เพื่อที่จะไปทำ index ในขั้นตอนถัดไป


23.  Robots.txt

robots.txt คือ text file ที่เราจะทำการกำหนดคำสั่งต่าง ๆ เพื่อเป็นการบอก Google ว่าไม่ต้องการให้ Google ทำอะไรบางอย่าง เช่น ไม่ต้องติดตาม หรือ index เว็บเพจหรือ URLs ของเว็บเราหน้าไหนบ้าง โดยไฟล์ robots.txt จะอยู่ใน root ของโดเมนเนมนั้น ๆ เช่น example.com/robots.txt


24.  Long-tail Keywords

Long-tail Keyword คือคีย์เวิร์ดที่มีความเฉพาะเจาะจง (Niche) การแข่งขันต่ำ โดยส่วนใหญ่จะประกอบด้วยคำมากกว่า 3 คำ  ในการเริ่มต้นเขียนบทความหรือสร้างเว็บใหม่ควรจะเริ่มต้นจาก Long-tail keywords จะช่วยให้เว็บติดอันดับได้ไวมากขึ้น 


25.  Panda

อัลกอริทึมของ Google ที่ใช้ในการติดตามคอนเทนต์ที่ไม่มีประสิทธิภาพ หรือคอนเทนต์ขยะ เช่น คอนเทนต์จำพวกสายเทา black hat ต่าง ๆ


26.  Google Search Console (GSC)

เครื่องมือในการวิเคราะห์ทราฟฟิกของกูเกิล ตัวอย่างเช่น จะทำให้เราทราบว่าเว็บของเรามีคนเข้ามาเยี่ยมชมมากน้อยแค่ไหนในแต่ละวัน หน้าเว็บหรือลิงก์ไหนคนเข้าชมมากที่สุด เป็นต้น เริ่มใช้งาน Google Search Console ได้เลยครับ


27.  Keyword Difficulty (KD)

KD (Keyword Difficulty) คือ ค่าความยากง่ายในการแข่งขันของคีย์เวิร์ดนั้น ๆ โดยมีตั้งแต่ 1 - 100 ยิ่งมีค่า KD สูง ก็ยิ่งการแข่งขันสูงหรือทำคีย์เวิร์ดนั้น ๆ ให้ติดอันดับยากมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งค่า KD นี้จะเป็นค่าที่อยู่ในเครื่องมือวิเคราะห์ SEO ชื่อดังต่าง ๆ ตัวอย่างเช่นเครื่องมือของเว็บ Ahrefs, Semrush, ฯลฯ เป็นต้น


28.  Link Building

กระบวนการในการสร้างลิงก์ให้เข้ามาในเว็บไซต์ของเรา หรือที่คุ้นเคยก็คือการสร้าง backlinks


29.  White hat

คือการทำ SEO สายขาว 


30.  Black hat

คือการทำ SEO สายดำหรือเทา 


31.  PBN

PBN (Private Blog Network) คือ การทำเครือข่ายบล็อกเพื่อหวังผลและสร้าง backlink ภายในเครือข่าย web blogs เช่น การสร้างเว็บไซต์เพิ่ม การไปซื้อโดเมนเก่าที่หมดอายุที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้าง backlinks ไปยังเว็บไซต์หลักของตนเอง


32.  PPC (Pay Per Click)

คือการจ่ายเงินค่าโฆษณาบน Google ต่อการคลิกที่โฆษณานั้น


33.  CPM (Cost Per Mile)

คือต้นทุนต่อการแสดงผลโฆษณา 1,000 พันครั้ง 


34.  Query

คือข้อความหรือประโยคที่คนค้นหาในช่องเสิร์ชบน Google


35.  Ranking Factors

คือปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อการจัดอันดับเว็บไซต์ให้ไปแสดงบน Google Search ของ Google ตัวอย่าง เช่น ความเกี่ยวข้องและคุณภาพของเนื้อหา (Relevance and Quality) ชื่อเสียงของเว็บไซต์ (Domain Authority) ประสบการณ์ของผู้ใช้ (User Experience) แบ็คลิงก์ (Backlink) การเป็นมิตรต่อผู้ใช้งานในมือถือ (Mobile Friendliness)


36.  ROI (Return on Investment)

คือหนึ่งในวิธีการวัดประสิทธิภาพของการทำ SEO ว่าได้ผลตอบแทนมากน้อยแค่ไหน คุ้มกับที่ลงทุนไปหรือไม่ โดย ROI ประกอบไปด้วย 2 ตัวแปร คือ ค่าใช้จ่าย (Cost) ผลตอบแทน (Return) โดย ROI =  ((Return - Cost) / Cost))* 100)


37.  Landing Page

คือหน้าเว็บหน้าเดียว ที่สร้างขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์อย่างใด อย่างหนึ่ง เช่น สร้างเคมเปญการตลาดหรือการโฆษณา เป็นต้น


38.  SEO Metrics

คือปัจจัยหรือตัวชี้วัดที่เกี่ยวข้องที่มีผลต่อการทำ SEO ว่ามีมีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหน


39.  SEM (Search Engine Marketing)

SEM (Search Engine Marketing) คือ การทำการตลาดออนไลน์ผ่าน Search Engine เพื่อเพิ่มการมองเห็นหรือการเข้าถึงคีย์เวิร์ดนั้น ๆ ที่ต้องการ มีทั้งแบบ Organic Search (ในส่วนของ SEO) และ Paid Search โดยส่วนใหญ่แบบจ่ายเงินโฆษณามักจะอยู่ในรูปแบบ PPC (Pay-Per- Click) คิดค่าโฆษณาตามจำนวนการคลิก


40.  Social Signal

คือสัญญาณจาก แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ที่ส่งเข้ามายัง Search Engine เช่น การกดไลก์ แชร์ คอมเมนต์ เป็นต้น


41.  PageRank

คือ กูเกิลอัลกอริทึมในยุคแรก ๆ ที่พัฒนาโดย 2 ผู้ร่วมก่อตั้ง Google คือ Larry Page และ Sergey Brin เป็นอัลกอริทึมที่ใช้ในการวัดว่าเว็บไซต์ที่เราได้ backlink กลับมานั้นมีคุณภาพดีมากน้อยแค่ไหน


42.  Referring Domain

คือ เว็บไซต์ที่ลิงก์มาหาเว็บไซต์ของเรา (เว็บที่เราได้ backlink)


43.  Ranking Signal

คือ สัญญาณที่บ่งบอกให้ Google ทราบ เพื่อเป็นปัจจัยในการจัดอันดับเว็บในหน้า SERPs (Search Engine Results Pages)


44.  Linkreators

คือคนที่มีโอกาสจะสร้างลิงก์มายังเว็บของเรา ก็คือเว็บของเราจะได้รับ backlink จากคนเหล่านี้ เป็นศัพท์ที่ Brian Dean จาก Baclinko ได้นิยามขึ้นมาใหม่ คนเหล่านี้มักจะเป็น content creator, journalist, website owner, etc เป็นต้น


45.  Disavow 

คือการที่เราแจ้งให้ Google ทราบว่าโดเมนที่ส่ง backlinks มาที่เว็บไซต์ของเรานั้นไม่มีคุณภาพหรือเป็นการสแปมลิงก์มาที่เว็บเรา และเราไม่ต้องการรับ backlinks ที่ไม่ดีเหล่านั้น เพื่อที่ Google จะได้ไม่มองว่าเว็บไซต์ของเรากำลังสแปมลิงก์ โดยสามารถทำ Disavow ได้โดยติดต่อไปยังเจ้าของเว็บนั้น ๆ (ยุ่งยากนิดถ้าลิงก์นั้นเยอะ) หรือใช้เครื่องมือของ Google เช่น Google Disavow Tool ใน Google Search Console


46.  Link Juice

Link Juice คือ คุณค่าที่เว็บเราได้รับจากเว็บที่ส่งหรือทำ backlinks มาให้เว็บเรา (ยกเว้นเว็บที่ส่งแบบ Nofollow Link มา เราจะไม่ได้รับ Link Juice นะ) ยิ่งเว็บที่มีความน่าเชื่อถือสูงที่ลิงก์มายังเว็บไซต์ของเรา ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสให้เว็บเพจของเราไปแสดงผลอันดับแรก ๆ ของ Google ได้ดีง่ายยิ่งขึ้น


47.  Seed Keyword

Seed Keyword คือ คีย์เวิร์ดแบบสั้น (short-tail keyword) หรือเรียกได้อีกแบบว่า root keyword คือ คีย์เวิร์ดหลักที่มีจำนวนผลการค้นหาสูง มีความ mass ตัวอย่าง seed keyword เช่น คอนโด, แมว, รถยนต์, ฯลฯ คีย์เวิร์ดสั้น ๆ เหล่านี้แหละก็คือ Seed Keyword


48.  Core Web Vitals

Core Web vitals (CWV) คือ เมทริกซ์ที่ Google ใช้วัดเกี่ยวกับ User Experiece ของเว็บไซต์เราว่าดีมากน้อยแค่ไหน โดย Core Web Vitals ประกอบไปด้วย

  • Large Content Paint (LCP)
  • First Input Delay (FID)
  • Cumulative Layout Shift (CLS)

เราสามารถตรวจสอบ Core Web Vitals ผ่านเครื่องของ Google เช่น Google Search Console, Google PageSpeed Insights เป็นต้น


49.  Hreflang

คือ HTML attribute (อยู่ภายใน Anchor หรือ Link Tags ของ HTML) ที่กำหนดไว้เพื่อบอกให้ Google รู้ว่า ต้องการแสดงข้อมูลในภาษาไหนที่ผู้คนได้ค้นหา จากตัวอย่างโค้ดด้านล่างจะทำให้ Search Engine รู้ว่าเว็บที่มีลิงก์นี้มีความเกี่ยวข้องกับภาษาอังกฤษ (en) และภาษาไทย (th) ตามลำดับ

<link rel="alternate" hreflang="en" href="https://example.com/en/page">
<link rel="alternate" hreflang="th" href="https://example.com/th/page">


50.  Link Farm

คือ กลุ่มของเว็บไซต์ที่สร้างมาเพื่อเชื่อมโยงหรือส่งลิงก์หากัน เพื่อหวังผลช่วยให้อันดับ SEO ดีขึ้น แต่ปัจจุบันอัลกอริทึมของ Google ฉลาดขึ้นแบบสุด ๆ แล้ว ดังนั้นการฟาร์มลิงก์เหมือนในอดีต อาจจะกลายเป็นว่าถูก Google ลงโทษหรือลดความสำคัญของหน้าเว็บเราได้ ดังนั้นแนะนำการสร้าง Link Building หรือ ทำ Backlinks ที่มีคุณค่าดีกว่าครับ


เป็นอย่างไรบ้างครับสำหรับ 50 คำศัพท์ SEO พื้นฐาน หวังว่าจะช่วยให้เพื่อน ๆ ได้เข้าใจศัพท์เหล่านี้ไม่มากก็น้อยนะครับ พร้อมทั้งสามารถนำไปค้นคว้าต่อยอดเพื่อค้นหาข้อมูลรายละเอียดเชิงลึกเพิ่มเติมเป็นอย่างดีครับ 

Son Content Mastery
Son Content Mastery

ที่ปรึกษาด้าน Web & SEO สำหรับองค์กรและเจ้าของธุรกิจ ชอบการเขียนและแชร์ความรู้ มีความเชื่อว่าความรู้คือสินทรัพย์ที่มีมูลค่ามากที่สุด ให้อะไรก็คงไม่เท่าให้ความรู้ หลงไหลในการเดินทางท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ เป็นพ่อของแงว ๆ อยู่หลายตัว เสพติดกาแฟเข้าเส้น เมนูประจำคืออเมริกาโน่


อัพสกิล SEO ด่วน?

ลดระยะเวลาลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง เรียน SEO พร้อมหลักการทำงานของเว็บ เข้าใจเบื้องลึกเบื้องหลังการทำงานของเว็บ พร้อมทั้งสามารถเข้าใจส่วนยาก ๆ อื่น ๆ เช่น Technical SEO ได้แบบไม่มีปัญหา คลาสออนไลน์แบบ private กับ Son contentmastery.io (หรืออบรมในองค์กรแบบ in-house ทางผมก็รับครับ) สามารถติดต่อ พูดคุย สอบถามหรือปรึกษากันก่อนได้ครับ